fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ส่องดีกรี 5 นักธุรกิจ ลงสนามเลือกตั้ง 66

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง2566 ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมืองต่างก็เร่งลงพื้นที่แนะนำตัว แนะนำนโยบายกันอย่างขะมักเขม้น ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ของแต่ละพรรคนั้นก็มาจากหลากหลายอาชีพ และมีดีกรีที่ไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะผู้สมัครที่มาจากแวดวงธุรกิจ ที่มากความสามารถ ต่างก็ตบเท้ากันเข้าสู่สนามการเมืองครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

 

 

 

เริ่มกันที่พรรคเพื่อไทยซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ที่มาพร้อมประวัติโดดเด่นจากการเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จักในวงการอสังหาฯ และเบนเข็มสู่แวดวงการเมืองเป็นครั้งแรก

 

 

ด้านพรรคคนรุ่นใหม่อย่างก้าวไกลก็มี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อในวงการนักธุรกิจ ดีกรีนักเรียนทุน Harvard คนแรกของประเทศไทย ที่ผันตัวเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างจริงจัง เพื่อหวังช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ได้ นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ผู้สมัคร ส.ส.ระนอง เขต 1 สายเลือดระนองแท้ และยังเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงมาเสริมทัพ และอาสาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้าน

 

 

 

ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐก็ได้ นายอภิชัย เตชะอุบล ผู้สมัครสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับ 18 จากนักธุรกิจนามสกุลดัง เจ้าของโปรเจ็กต์หมื่นล้าน ก็เบนเข็มเข้าสู่เส้นทางการเมือง และอีกหนึ่งคนที่น่าสนใจก็คือ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี จากพรรคไทยสร้างไทย หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ นักธุรกิจหมื่นล้าน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ตัดสินใจลงมาเล่นการเมือง เพราะมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน

 

“ต้องยอมรับนะว่านักธุรกิจแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนักธุรกิจต้องดูพื้นฐานความรู้ อันนี้สำคัญมาก เพราะว่าคุณจะมาเล่นการเมือง ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ แต่ว่าเศรษฐกิจตัวนี้มันไม่ใช่เศรษฐกิจจุลภาคนะ ที่คุณประสบความสำเร็จในแง่เศรษฐกิจระดับจุลภาค ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาดูแลตรงนี้ได้ เพราะฉะนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของนักธุรกิจ คือต้องมาดูข้อแรกเลย เรื่องของภูมิหลังทางด้านความรู้ แล้วก็เรื่องของการบริหาร ในบริหารก็ต้องฟังหูไว้หู เพราะว่าการบริหารธุรกิจได้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าทางการเมืองจะประสบความสำเร็จ มันยังเป็นปัจจัยที่มีความแตกต่าง ทางการเมืองมันดูมหภาคใหญ่กว่าเยอะ”

 

 

ทั้งนี้ รศ.ดร.สมชาย ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้คนมีความรู้ด้านธุรกิจมีจำนวนมาก แต่หัวใจสำคัญไม่ใช่ตัวธุรกิจ แต่เป็นองค์ความรู้ของนักธุรกิจคนนั้น มีความรู้ทางด้านมหภาค มีการเชื่อมโยงกับต่างประเทศจะช่วยได้มากกว่า

 

 

“จุดดีก็คือว่า ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ข่าวสาร แล้วก็จำนวนของคนที่จบปริญญาหรือมีความรู้ แล้วก็เข้ามาสู่ทางด้านธุรกิจ ได้สัมผัสตรงนี้มันจำนวนมากขึ้น แต่ละพรรคจะมีองค์ความรู้ในแง่ของข้อมูล ประสบการณ์ ต้องยอมรับว่ามันมีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลง จะได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของบุคคล หัวใจสำคัญไม่ใช่ตัวธุรกิจ หัวใจสำคัญอยู่ที่องค์ความรู้ของนักธุรกิจคนนั้น และองค์ความรู้ที่สำคัญอันนี้ ควรเป็นความรู้ทางด้านมหภาค ซึ่งเกิดจากการบริหารองค์กรใหญ่ๆ และมีการเชื่อมโยงกับต่างประเทศ อันนี้จะช่วยได้มากกว่า”

 

 

ต้องติดตามกันต่อไปว่าในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมืองใด จะเข้าตาประชาชน ได้เป็นรัฐบาลใหม่ในอนาคต เข้ามาบริหารประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยต่อไป

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube