นายชูวิทย์ กมลวิศิฎ์ ตั้งโต๊ะแถลงเกี่ยวกับเงื่อนงำและความผิดพลาดการทํางานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีของนายตู้ห้าว พร้อมกับงัดหลักฐานเด็ด เปิดตัวพยานรายสำคัญเป็นครั้งแรก
นายชูวิทย์ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตํารวจทํางานแบบผิดพลาดทั้งเก็บหลักฐานแบบเว้นวรรค อ้าง ป.ป.ส. ไม่ให้เข้าพื้นที่ แต่ทาง ป.ป.ส. ยืนยันแล้วว่า ไม่มีระเบียบเช่นนั้น รวมไปถึงการขยักหลักฐาน ไหนจะตํารวจช่วยหลานนายตู้ห่าวหลบหนีอีกทั้งการทําสําเนาลักลับ ที่ตํารวจทํากันเองไม่มีใครเห็นจนไม่มีการสอบปากคําพยานในที่เกิดเหตุแม้แต่รายเดียว
นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังเผยคลิปและภาพภายในบ่อนลีลา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผับจินหลิงโดยเป็นบ่อนกาสิโน ที่มีการควบคุมดูแลโดยเซิฟเวอร์จํานวน 4 ตัว แบ่งเป็นที่ผับจินหลิง 2 เซิฟเวอร์ มีกล้องวงจรปิด 40 ตัว และอีก 2 เซิฟเวอร์ อยู่ในบ่อนลีลา มีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 68 ตัว
ซึ่งภายหลังเซิฟเวอร์และภาพกล้องวงจรปิด ภายในบ่อนลีลาถูกตัดต่อออกไป จึงสังเกตได้ว่าอาจมีการช่วยปกปิดใครบ้างคนหรือไม่ อีกทั้ง ผบ.ตร. บอกว่าดูสําเนาด้วยตัวเองแต่ไม่เคยลงพื้นที่จริงแล้วสําเนาจะครบถ้วนได้อย่างไร ส่วนอัยการบอกสํานวนครบถ้วนซึ่งพวกท่านก็ไม่เคยลงพื้นที่แม้แต่ครั้งเดียว เช่นนี้แล้วจะให้ประชาชนและตนเองเชื่อถือได้อย่างไร
สําหรับในวันนี้ทางนายชูวิทย์ได้เปิดเผยพยาน 10 ปาก ที่เป็นกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่คุยงานและรับเงินโดยตรงจากนายตู้ห่าว โดยทั้งหมดยืนยันว่ารับงานก่อสร้างหลายแห่งให้กับนายตู้ห่าง ต่อมาถูกโกงโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้าง เสียหายรวมกันหลายสิบล้านบาท
โดยมีพยานปากเอกเผยว่า ตนเองเป็นผู้ไปเบิกเงินวันละ 20-30 ล้านบาท จากคําสั่งของนายตู้ห่าวโดยตรง และทราบว่าเงินเหล่านั้นล้วนมาจากประเทศจีนทั้งสิ้น เหตุที่มาขอให้นายชูวิทย์ ช่วยเหลือ เพราะเกรงอิทธิพลของนายตู้ห่าวที่รู้จักกับนายตํารวจเยอะจนตนเองไม่กล้าและไม่ไว้ใจการทํางานของเจ้าหน้าที่ตํารวจ
ส่วนการตรวจสอบรถยนต์หรูของนายตู้ห่าว พบว่าเป็นรถเช่าจากบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งนายชูวิทย์อ้างว่ามีหลานของนักการเมืองดังเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว จึงทําให้รู้ว่าเหตุที่คดีล่าช้านั้นอาจจะเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้วยหรือไม่ และจากการสอบถามถึงคะแนนการทํางานของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ นายชูวิทย์ เผยว่า ผบช.น. ให้ 0 เพราะทํางานเหมือนมือสมัคเล่น อัยการฯ ให้ 5 ส่วนดีเอสไอกับ ป.ป.ส. ให้ 9 เพราะทํางานอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากอยากให้ตนเองกับมาเชื่อมั่นในการทํางานของเจ้าหน้าที่ตํารวจอีกครั้ง ผบ.ตร. ต้องกล้าตัดสินใจวนการเซ็นสั่งย้าย ผบช.น. ไปทําหน้าที่ที่ท่านถนัดจะดีกว่า พร้อมยืนยันจะผลักดันให้นำเรื่องนี้อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงคะแนน ในสภาครั้งสุดท้ายให้ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
