หลังจากที่ประเทศไทยได้เปิดประเทศและมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาเรื่องความล่าช้าขั้นตอนต่างๆ บริเวณสนามบิน เรื่องดังกล่าวนั้นทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องปรับแผนอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการรองรับและแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเป็นจำนวนมาก
โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เร่งแก้ไขปัญหาและกำหนดแนวทางการอำนวยความสะดวกประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยให้เร่งแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน ภายใน 15 วัน ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา และจัดตั้งศูนย์สั่งการร่วม เพื่อติดตามสถานการณ์และประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ แบบ Real Time เพื่อให้ Flow ผู้โดยสารมีการผ่านขั้นตอนตามกระบวนการต่าง ๆ อย่างสะดวก รวดเร็ว
ด้านการบริหารจัดการคิวรอตรวจหนังสือเดินทางต้อง ใช้เวลารอคิวเพื่อตรวจหนังสือเดินทางเฉลี่ย 15 นาทีต่อคน และใช้เวลาหน้าจุดตรวจหนังสือเดินทาง 60 วินาทีต่อคน
ขณะเดียวกัน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (บก.ตม.2) ได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารคนไทย ที่ไม่สามารถสแกนหนังสือเดินทางด้วยเครื่อง Auto Channel ไปตรวจหนังสือเดินทาง ผ่านเคาน์เตอร์ตามปกติ
ในส่วนของปัญหาการรับกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้น ประสานแจ้งข้อมูลประมาณการผู้โดยสารขาเข้ารายเที่ยวบินล่วงหน้าให้เจ้าหน้าที่หน้างานเพื่อเตรียมความพร้อม
ขณะนี้บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นอยู่ระหว่างการจัดหาอุปกรณ์ และบุคลากรมาให้บริการเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถขนถ่ายสัมภาระของเที่ยวบินต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศและภายในประเทศ รวมประมาณ 130,000 คน/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่มีจำนวนผู้โดยสารรวมประมาณ 115,000 คน/วัน และคาดว่าในปีหน้าผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 150,000 คนต่อวัน
คาดว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมาในช่วงไตรมาสที่ 1 หรือช่วงเดือนมีนาคมปี 2566 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนลดลง ซึ่งอาจจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นดังนั้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองจำเป็นที่จะเตรียมแผนรองรับและปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าหลังจากจบการประชุมเอเปคแล้วจะทำให้หลายประเทศมีความเชื่อมั่นที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น
ด้าน จำนวนรถแท็กซี่ที่มีอยู่ในปัจจุบันถือว่าเพียงพอต่อการให้บริการ เนื่องจากปัจจุบันตัวเลขผู้ใช้บริการยังน้อยกว่าในช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยมีจำนวนเที่ยววิ่ง 6,500 เที่ยวต่อวัน ในขณะที่ช่วงก่อนการแพร่ระบาด มีเที่ยววิ่งสูงถึง 9,000 เที่ยวต่อวัน
และทั้งหมดนี้ก็คือความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความแออัดของสนามบินและการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศให้มีความคล่องตัวมากขึ้นนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews