จากเหตุโศกนาฏกรรมที่จ.หนองบัวลำภู โดยคาดว่าอดีตตำรวจเกิดอาการคลุ้มคลั่งจากฤทธิ์ยาบ้าบุกเข้าไปใช้อาวุธปืนกราดยิงและใช้มีดฟัน ภายในศูนย์เด็กเล็ก ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง ก่อนหลบหนีแล้วยิงลูกเมียและตัวเองเสียชีวิตพร้อมกัน จากเหตุดังกล่าวทำให้มีเด็กเล็กและผู้ใหญ่กลายเป็นเหยื่อเสียชีวิตรวมกว่า30ราย และ1ในนั้นเป็นอาจารย์ที่กำลังตั้งครรภ์ 8 เดือน รวมถึงยังได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ต.ค. ถือว่าสร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลกที่ทั้งสื่อไทยและต่างประเทศกำลังให้ความสนใจจนพุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ภายในไม่กี่ชั่วโมงพบว่าการใช้ความรุนแรงกับเด็กได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สร้างความสลดใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่บางคนนั้นมีลูกเพียงคนเดียว ต่างล้มทั้งยืนร้องไห้ระงมแทบใจสลาย ต่อมานายกฯขอให้ทุกส่วนราชการทั่วประเทศ ลดธงชาติครึ่งเสา1วัน เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแสดงความอาลัยต่อเหตุการณ์ที่จ.หนองบัวลำภู
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก โบราณนานมา โพสต์ข้อความระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุกราดยิงใน จ.หนองบัวลำภู ไว้ในพระบรม
ราชานุเคราะห์ทั้งหมดโดยในวันที่ 7 ต.ค.65ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและพระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยพระองค์เองอีกด้วย
ขณะเดียวกันนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. ได้ระดมเจ้าหน้าที่จ.หนองบัวลำภู เลย ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี และพิษณุโลก ไปร่วมช่วยเหลือ รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่จิตวิทยาจำนวน8คน ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ดูแลครอบครัวเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจและหางบประมาณเยียวยาทุกครอบครัวอย่างดีที่สุด
สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นได้สัมภาษณ์พิเศษกับนายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ระบุถึงเหตุการณ์กราดยิงว่าหลังจากเกิดเหตุได้มีการสั่งปิดศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลทุกแห่งทันที เนื่องจากในพื้นที่มีศูนย์ฯกว่า200แห่ง เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เบื้องต้นมีเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิต38ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาลหนองบัวลำภู5ราย โรงพยาบาลนากลาง1ราย โรงพยาบาลอุดรธานี1ราย เบื้องต้นได้มีทีมสุขภาพจิตและพม. ลงพื้นที่เข้าไปดูแล รักษา เรื่องของสภาพจิตใจของญาติผู้เสียชีวิตแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อย
โดยหลังจากนี้ทางจังหวัดจะขอความร่วมมืออาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต่างๆ คอยผลัดเปลี่ยนเวรกันเพื่อตรวจตราดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเต็มที่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีจำนวนไม่เพียงพอ พร้อมกันนั้นทางจังหวัดก็อยู่ระหว่างริเริ่มโครงการบำบัดผู้ป่วยจิตเวช แต่กลับมาเกิดเรื่องสลดขึ้นเสียก่อน ส่วนบริเวณศูนย์ดังกล่าวนั้นมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่คาดว่าไม่สามารถทั่วถึงทั้งหมด ดังนั้นในส่วนของราชการจะระดมช่วยเหลือให้ครอบคลุมได้มากที่สุดประกอบกับทางภาครัฐก็ได้มีการมอบเงินเยียวยาด้วยเช่นกัน ส่วนในระยะยาวนั้นคงต้องติดตามต่อไป
อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องยาเสพติดและการครอบครองอาวุธปืนนั้นภาครัฐยังไม่สามารถแก้ไขให้หมดสิ้นไปได้ เพราะด้วยฤทธิ์ยาจึงทำให้คนกลายเป็นฆาตกรได้อย่างง่ายดายจนนำมาสู่ความสูญเสียที่ไม่อาจหวนกลับเพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยต้องกวดขันเรื่องยาบ้าอย่างจริงจังเสียที
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
