เปิดการบ้านโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปต่อกับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” และประกาศเดินหน้าภารกิจพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกน
นักธุรกิจ ภาคเอกชน สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยนับจากนี้ก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า 2566 บอกได้คำเดียวว่า “หนัก” และ “ไม่หมู”
นั่นเพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องเจอกับศึกใหญ่ นั่นคือ เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว กระทบต่อการท่องเที่ยว การส่งออก การค้า การลงทุน ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อหลายประเทศสูง แถมเงินบาทอ่อนค่า และยังมีโควิด-19 ที่ยังมีฤทธิ์ทำให้คนกลัวกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย
ดังนั้น มาตรการทางการเงิน และ มาตรการทางการคลัง หลังนายกฯลุงตู่รอดปม 8 ปี จากนี้ไป ภาคเอกชน บอกว่า รัฐบาลต้องจัดเต็ม
โดยนายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า โจทย์ใหญ่ของรัฐบาล ณ วันนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำอย่างไรให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย รวมถึงเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ รัฐบาลต้องมองภาพใหญ่ พร้อมกับขับเคลื่อนการลงทุนในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย
“เศรษฐกิจยังเป็นลักษณะอย่างนี้ รัฐบาลยังจะต้องมีส่วนเข้าไปแก้ไขว่าทำยังไงให้กระตุ้นคนออกมาจับจ่ายใช้สอย ทำยังไงให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ทำยังไงให้สินค้าไทยส่งออกไปขายได้มากกว่าเดิม อันนี้ก็เป็นการบ้านของรัฐบาล แล้วก็มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การคลัง การเงินก็คือเรื่องของอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนอันนี้ก็เป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติเป็นหลัก แล้วก็กระทรวงการคลังก็เป็นผู้ช่วยในเรื่องของการจัดการมาตรการทางการเงิน”
และเมื่อถามถึงมุมมองในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล “นายอธิป” กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย และในเวลานี้ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องเผชิญกับหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่รัฐบาลก็กลัวการถูกโจมตีเรื่องของเงินกู้จึงไม่กล้าที่อัดฉีดเงินอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเปลี่ยนมุมมองใหม่ ถ้าจำเป็นจะต้องกู้เงิน ก็ต้องกู้ เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่อาสามาทำ และยิ่งไปกว่านั้น อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
“นาทีนี้ใครมาเป็นรัฐบาลผมว่า ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร ฝีไม้ ฝีมือ อันนั้นเป็นเรื่องของการเมืองมากกว่า แต่ถ้าจะว่าพูดตามความเป็นจริงนะ ใครมาในเวลานี้ ผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ และด้วยภาวะที่มีหนี้สาธารณะสูง เพดานหนี้สาธารณะสูง รัฐบาลก็ไม่กล้าที่จะอัดฉีดเงิน กู้เงินมาอัดฉีดไม่กล้าที่จะกู้เงินมาลงทุนโครงการของรัฐอย่างเต็มที่ จริงๆแล้วรัฐบาลควรเปลี่ยนมุมมองอย่าไปกลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากจนเกินไป ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ โดยการที่ว่าถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน ก็ต้องใช้เงิน ถ้าจำเป็นจะต้องกู้เงิน ก็ต้องกู้เงิน มากกว่าที่จะมากลัวว่าเดี๋ยวจะโดนโจมตี เพราะมันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่อาสามาทำแล้ว ถ้ามากลัวคนมาด่า ก็ไม่ควรจะอาสามาทำ”
และนี่ก็เป็นมุมมองเสียงสะท้อนของภาคเอกชนหลังนายกฯลุงตู่ รอดพ้นปม 8 ปี ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ที่เชื่อมโยงกับปากท้องของประชาชน โดยมีคะแนนนิยมของรัฐบาลเป็นเดิมพันนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
