Home
|
บันเทิงไทย

DSI จ่อขอหมายจับดารา ป. คดี Forex

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในวาระการพิจารณาพยานหลักฐาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดในคดี ฟอเร็ก 3 ดี จากบุคคลที่พนักงานอัยการแนะนําให้เรียกดําเนินคดีเพิ่มอีก 6 ราย

 

 

นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เผยว่า คดีความผิดตามกฎหมายกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้ดําเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับทาง ดีเจแมน-ใบเตย โดยทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหาและประสงค์ ขอยื่นข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 ก.ย. 65 และขอยายเพิ่มไปเป็น 17 ต.ค. 65 ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ยินดีที่จะให้โอกาส เช่นเดียวกับทาง กระทิง-บอล ที่จะขอยื่นข้อเท็จจริงภายใน 30 ก.ย. นี้ โดยไม่มีการขอเลื่อน

 

หลังการประชุมได้ข้อสรุปว่า จะออกหมายเรียกเพิ่ม 6 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 11-12 ต.ค. นี้ และพิจารณาออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องในกรณี ของ กระทิง เพื่อมาสอบปากคําจํานวน 2 ปาก ซึ่งทั้งสอง เป็นผู้เสียหายในดาวน์ไลน์ แต่ยังไม่มีการเรียกระทิงโดยตรง

 

ส่วนคดีฟอกเงินที่มี ดารา ป. นั้น ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหารอบที่ 2 ไปแล้ว ภายในต้นเดือน ต.ค. หากไม่มาตามนัด ก็จําเป็นที่จะต้องออกหมายจับต่อไป

 

ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้อํานวยการกองคดีธุรกิจกองเงินนอกระบบกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า การที่มีรูปปรากฎตามสื่อต่างๆที่มีการถ่ายคู่กับนายอภิรักษ์นั้น ไม่จําเป็นว่าต้องมีส่วนร่วมในการกระทําความผิดโดยพนักงาสอบสวนจะมีการพิจารณาอย่างรอบครอบ เน้นที่พยานหลักฐานเป็นหลักและเบื้องต้นจะยังไม่มีการเรียกใครเพิ่มเติม เนื่องจากตอนนี้เน้นไปที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 16 ราย เป็นหลัก และดูเรื่องทรัพย์สินเพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่มีจํานวนมาก

 

 

” การที่ไปปรากฎตัวคู่กับอภิรักษ์ ไม่จําเป็นเสมอไปว่าใครที่ไปปรากฎจะต้องมีส่วนร่วมในการกระทําความผิด ในการพิจารณาเราจะพิจารณาอย่างรอบคอบเน้นที่พยานหลักฐาน ดังนั้นไม่ได้มองที่มิติเดียวว่าเขาไปถ่ายรูปด้วยหรือไปด้วยกัน เรามองหลายมิติ ซึ่งการสอบสวนพยานหลักฐานเน้นให้ความสําคัญคือเราต้องเชื่อมโยงพยานหลักฐานให้เห็นภาพรวมว่าบุคคลที่เราจะดําเนินคดีคือผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทําความผิด เพราะฉะนั้นหากเรามองแล้วพบว่าไม่เกี่ยวข้องเราก็ก็จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาครับ ”

 

นายไตรยฤทธิ์ กล่าวเพิ่มว่า หากผู้เสียหายทันใดหรือใครก็ตามที่มีข้อมูลหรือเบาะแสที่แสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินต่างๆนั้นได้มาจากการกระทําผิดสามารถแจ้งมาทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่ต้องเกรงว่าความลับจะถูกเปิดเผยเพราะยืนยันว่าข้อมูลทุกอย่างจะเก็บเป็นความลับ

 

“ฝากถึงพี่น้องประชาชนท่านใด มีข้อมูลมีเบาะแสท่านแจ้งมาเลยครับ แจ้งมายังพนักงานสอบสวนโดยตรงหรือแจ้งมายังอธิบดีได้หรือถ้าท่านเกรงว่าความลับจะถูกเปิดเผยสามารถแจ้งมาโดยตรงที่ตัวผมเอง ใช้ชื่อนามสกุล ไม่ต้องระบุตําแหน่ง มันก็เหมือนเรื่องส่วนตัว ซึ่งตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ใครจะมาเปิดจดหมายของผู้หนึ่งผู้ใดหากเป็นเรื่องส่วนตัวไม่สามรถเปิดได้ เรามีระบบควบคุมแล้ว”

 

ทั้งนี้ทางกรมDSI จะมีการประชุมชุดปฏิบัติการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(DE)เพื่อหาแนวทางการป้องกันความเสียหายไม่ให้ลุกลามจนใหญ่โต โดยอาจจะต้องอาศัยขอยกเลิกกฎระเบียบบางเรื่อง เพื่อให้ DSI สามารถเข้าไปตรวจสอบโดยไม่ต้องรอให้เกิดความเสียหายก่อน สําหรับความเสียหายในคดีนี้มีจํานวนสูงถึง 2.5 พันล้าน ตามยึดทรัพย์มาได้เพียงแค่ 570 ล้าน เฉลี่ยคืนผู้เสียหายได้น้อยมากหากเทียบกับมูลค่าความเสียหาย

 

สุดท้ายอยากฝากให้สื่อช่วยกันกระจายข่าวเฝ้าระวังและปัองกัน เพราะบางคนไม่รู้จริงๆว่าสิ่งที่ลงทุนไปนั้นเป็นของจริงหรือเป็นเครือข่ายที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหากทราบเบาะแสก็จะเร่งเข้าไปตรวจสอบทันทีเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเหมือนในคดีนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube