กรมชลประทาน ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อัตราอยู่ระหว่าง 1,100-1,400 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้สอดคล้องกับคาดการณ์ปริมาณฝนตกหนัก 12-13 สิงหาคม 2565
จากพายุดีเปรสชั่น มู่หลาน” ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย และประเทศลาวตอนบน ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคเหนือ
ซึ่งการเพิ่มการระบายน้ำ ของกรมชลประทานส่งผลพื้นที่ริมน้ำ-ลุ่มต่ำริมเจ้าพระยาได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)
โดยในวันนี้สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ลงพื้นที่ อ.บางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา พบว่า ในพื้นที่ อ.เสนา ต.หัวเวียง ต.ท่าดินแดง ได้รับผลกระทบน้ำในแม่น้ำน้อยเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน สูงประมาณ 80 เซนติเมตร
ทำให้ประชาชนต้องย้ายของขึ้นไปอยู่บนที่สูงโดยจากการสอบถามประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดเนื่องจากได้ติดตามประกาศของทางกรมอุตุนิยมวิทยาและทางหน่วยงานท้องถิ่นได้มีการประกาศแจ้งเตือนเรื่องการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาทำให้ชุมชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบต่างพากันเตรียมพร้อมและรับมือขนย้ายของขึ้นสู่ที่สูง
ขณะที่นาย นาย ธนากร ตันติกุล ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากการที่กรมชลประทานได้เพิ่มการระบายน้ำ เขื่อนเจ้าพระยาเพื่อรองรับมวลน้ำที่จะไหลมาจากทางภาคเหนือ
ขณะนี้ทำให้ชุมชนริมแม่น้ำน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตามพบว่าชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่ได้รับความเสียหายเนื่องจากกรมชลประทานได้ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแจ้งเตือนชุมชน และให้ความช่วยเหลือ น้ำดื่ม เสบียง และรถสุขา
ซึ่งกรมชลประทานจะประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน
ด้านนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง “พายุดีเปรสชั่น มู่หลาน”
ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย และประเทศลาวตอนบน ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยช่วงวันที่ 12-13 สิงหาคม 65 ส่งผลทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคเหนือ
จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำระหว่างวันที่ 11-13 ส.ค. 65 ที่สถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอัตราประมาณ 1,100-1,400 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) /วินาที ส่วนที่แม่น้ำสะแกกรัง สถานี Ct.19 อัตราประมาณ 100 ลบ.ม./วินาที และลำน้ำสาขา อัตราประมาณ 100 ลบ.ม./วินาที
ทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณระหว่าง 1,400-1,600 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทานมีความจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นในอัตราระหว่าง 1,100-1,400 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.20-0.60 เมตร
อย่างไรก็ตามกรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำเพื่อให้ชุมชนที่อยู่นอกบริเวณคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบน้อยที่สุดพร้อมกับได้สั่งกำชับให้สำนักงานชลประทาน พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews