กฏหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. บัญชีรายชื่อหาร 500 เหลือโอกาสสุดท้าย 15 ส.ค.นี้ ว่าจะแล้วเสร็จทันกรอบ 180 วัน ได้หรือไม่
เพราะนับตั้งแต่ เมื่อช่วง 1 เดือนก่อนกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่มี “หมอระวี มาศฉมาดล” พลังธรรมใหม่ เป็นตัวตั้งตัวตี ชักชวนเพื่อนสมาชิกรัฐสภา ประกอบกับแรงกดดันภายนอกที่รัฐบาลต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคเล็กในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนคล้อยตามสามารถพลิกมติกลับสูตรบัญชีรายชื่อ จากหาร 100 มาเป็นหาร 500 ได้สำเร็จ ก่อนจะพักการพิจารณา ถอนร่าง ไปปรับเนื้อหาให้สอดรับกับการพลิกมติ และบรรจุกลับเข้าสู่วาระอีกครั้ง
หลังศึกศักฟอก ที่พรรคเล็กตอบแทนรัฐบาล ยกมือโหวตหนุนรัฐมนตรีไปอย่างพร้อมเพรียง จนฝ่ายค้านฝันสลาย และเมื่อกลับเข้าสู่การประชุมร่วมอีกครั้ง บรรดาพรรคเล็กที่เป็นตัวหลักต้องการใช้สูตรหาร500 ไร้พลัง ไม่มีอะไรจะไปต่อรองกับพลังประชารัฐแกนนำรัฐบาลอีกแล้ว ประกอบกับเพื่อไทยงัดไม้ตายสุดท้ายพร้อมกับข่าวลือดีลพิศดาร รวมหัวกันไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม เพื่อยื้อเวลา ยับยั้งกฏหมาย ให้ไม่ทันกรอบ 180 เพื่อกลับไปใช้ร่างแรก ซึ่งเป็นหาร 100 แทน จนสภาล่มแล้ว ล่มอีกเดินหน้าแทบไม่ได้เลย ทั้งที่เหลืออีกเพียง 8 มาตรา และมีการแก้ไขเพียง 2 มาตราเท่านั้น ทำให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายนิติบัญญัติ เสื่อมถอยเป็นอย่างมาก
ร้อนถึงประธานชวน หลีกภัยที่ยึดมั่นในระบบ ต้องพยายามโชว์ศักยภาพว่ามีความตั้งใจจริง ที่จะผลักดันกฏหมายตามขั้นตอน สั่งนัดประชุมเพิ่ม ในวันสุดท้าย ที่กำลังจะครบกำหนด 180 วัน ส่วนผลจะเป็นไปในรูปแบบไหน คงต้องรอพิสูจน์กันอีกครั้ง จะเป็นหนังม้วนเก่า วังวนเดิมๆ ล่มซ้ำซาก เพราะ 2 พรรคยังใหญ่ ยังไม่แคร์สังคม อยู่หรือไม่
หลังจากประธานชวน นัดหมายเพิ่มเพิ่ม เพื่อไทย ยังคงประกาศจุดยืนเดิม “ชลน่าน ศรีแก้ว กับ สุทิน คลังแสง”ยังย้ำว่า จะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมเหมือนเดิม พร้อมให้เหตุผลแบบเท่ๆ หวั่นอนาคตกฏหมายมีช่องโหว่ ให้ล้มการเลือกตั้งได้ ขณะพลังประชารัฐ ทั้งขาใหญ่ ขาเล็ก ยังสับสน ปฏิเสธ การร่วมมือเพื่อไทย แต่ภาพในสภากลับตรงกันข้าม เพราะสภาล่ม 2 ครั้งล่าสุด ส.ส.พลังประชารัฐกับเพื่อไทย มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน การยอมรับหรือปฏิเสธ จึงเป็นแค่เกมการเมืองเท่านั้น เพราะรู้กันว่าทั้ง 2 พรรค ต่างต้องการหาร 100 เหมือนกัน ส่วนพรรคอื่นๆ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ก้าวไกล และพรรคอื่นๆ ล้วนให้ความร่วมมือเป็นองค์ประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน
ดังนั้น 15 ส.ค.นี้ จึงอาจนับได้ว่า เป็นเกมวัดใจ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ จาก 2 พรรคใหญ่ ว่าจะเลือกเดินเกมแบบไหน เพื่อให้ได้สมประโยชน์จะล่มสภา เพื่อทำลายเกียรติ ทำลายภาพลักษณ์ของสภา ที่เปรียบเหมือนกันทำลายตัวเองต่อไป หรือจะยอมให้กฏหมายเดินหน้า และปล่อยให้กระบวนการตามมาตรา 132 ทำงาน พร้อมๆกับการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็อาจจะได้สูตรหาร 100 กลับมาได้เช่นกัน แค่อาจใช้เวลาเวลานานกว่าเดิม แต่สามารถรักษาเกียรติของสภาไว้ได้ การตัดสินใจครั้งนี้ ของ ส.ส.ทั้ง2 พรรค อาจเป็นการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของตัวเองด้วย เพราะหากเลือกทำลายตัวเอง ทำลายภาพลักษณ์สภา ประชาชนกำลังดูอยู่ เลือกตั้งครั้งหน้าในอีกไม่กี่เดือนนี้ ประชาชนอาจพิพากษา ไม่ให้กลับเข้าสภาอีกแล้วก็เป็นได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
