” ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุสะพานกลับรถพังถล่มทับรถประชาชนและมีคนงานตกลงมารวมมีผู้เสียชีวิต2ราย แต่ได้มีการสอบปากคำคนงานแล้ว10ปาก ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตได้ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณท่วมกลางสายฝน ขณะวิศวกรรมสถานยืนยันว่าไม่กระทบโครงสร้างหลักของสะพาน”
ญาติของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี ผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในรถยนต์เก๋งได้นิมนต์พระสงฆ์พระประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ บริเวณที่เกิดเหตุท่ามกลางสายฝนโดยญาติผู้เสียชีวิตมีอาการเศร้าเสียใจร้องไห้และลูบที่รูปของผู้เสียชีวิตตลอดเวลา โดยใช้เวลาทำพิธีประมาณ 20นาที ก่อนจะเดินทางกลับโดยไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน
ขณะที่ในวันนี้ รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ หรือ วสท.เปิดเผยขณะลงพื้นที่ว่า จากการตรวจสอบด้านเทคนิคการซ่อมบำรุงเป็นไปตามหลักการ เพราะสะพานมีอายุการใช้งานร่วม 30 ปี ดังนั้นถึงเวลาที่จะบูรณะและรื้อซ่อมบำรุงเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่ยานพาหนะที่วิ่งบนสะพานและที่วิ่งใต้สะพาน และการก่อสร้างก็เป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การรื้อส่วนที่เสียหายเช่น พื้นสะพาน ซึ่งสาเหตุคาดว่าเกิดจากช่วงรื้อสะพานและรอเทพื้นใหม่ความยาว 12 เมตร ส่งผลให้คานสะพานที่โค้งและลอยตัวอยู่ริมสุดที่ยังไม่ได้เทคคอนกรีตทับ เหล็กที่ยึดเกิดความเสื่อมสภาพเพราะทราบเคยเกิดไฟไหม้ทำให้การยึดเกาะอาจจะเสียหายไปบ้างและตัวแบริเอ่อมีน้ำหนักมากจึงทำให้หล่นลงมา แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่กระทบโครงสร้างหลักของตัวสะพานและคงจะมีการซ่อมบำรุงต่อแต่จะต้องมีการป้องกันเช่นยึดขอบสะพานอีกฝั่งให้ดี รวมถึงเปลี่ยนมาใช้คอนกรีตที่แห้งเร็วขึ้นตลอดจนขอความร่วมมือให้รถที่สัญจรผ่านลชะลอความเร็วเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
ด้าน พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาวะบุตร สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เจ้าของสำนวนคดี เปิดเผยขณะลงพื้นที่ว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำคนงานที่อยู่ในที่ในที่เกิดเหตุไปแล้ว 10 ปาก ส่วนผู้หัวหน้าควบคุมงานก่อสร้างและวิศวะกรอยู่ระหว่างการเรียกมาสอบปากคำ ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานหรือพฐ.เข้าตรวจสอบก่อน ซึ่งยังเร็วเกินไปที่จะดำเนินคดีกับใครได้บ้าง
สำหรับ สะพานกลับรถ แห่งนี้ เริ่มปิดทำการซ่อมบำรุงตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 โดยเหตุที่ต้องทำการปิดซ่อมบำรุงเนื่องจากสะพานกลับรถแห่งนี้มีอายุการใช้งานมานาน และเคยเกิดไฟไหม้ขึ้นบนสะพาน เนื่องจากรถบรรทุกน้ำมันระเบิด อีกทั้งยังมีปริมาณรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้สะพานกลับรถนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้โครงสร้างส่วนบนชำรุดเสียหาย โดย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง วิเคราะห์สาเหตุที่เกิดขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและให้รายงานผลภายใน 14 วัน และให้ระงับการซ่อมแซมโครงสร้างสะพานกลับรถนี้ รวมทั้งปิดการจราจรช่องทางหลักขาเข้าไว้ก่อน จนกว่าจะมีความมั่นใจในความปลอดภัย และได้สั่งการให้ตรวจสอบ ขั้นตอนการทำงาน วัสดุชิ้นส่วนงานก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ให้มีความพร้อม หากพบว่าส่วนใดส่วนหนึ่งไม่พร้อม ไม่ปลอดภัย ให้หยุดงานก่อสร้างทันที โดยเน้นย้ำให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
