fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

กลุ่มเบนซินลด3บาท เงินสะพัดพาคนเที่ยว

สร้างความฮือฮาอยู่ไม่น้อยกับการลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลิตรละ 3 บาท เว้น E85 ปรับลงลิตรละ1.80 บาท ซึ่งมีผลเช้าวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ 8 ก.ค.2565

 

แน่นอนว่า การปรับลดราคาครั้งนี้ มีเหตุผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 5 ก.ค. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 8% หลุด 100 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส มองว่า ราคาน้ำมันดิบโลก ยังคงเดินหน้าปิดปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน สะท้อนความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย รวมถึงการที่จีนมีแนวโน้มกลับมาล็อคดาวน์เมืองสำคัญ

 

จากสถานการณ์โควิดในประเทศจีนที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอาจปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของราคาน้ำมันจะเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จากการปรับตัวของ demand และ supply ที่จะค่อยๆเข้ามาสู่ภาวะสมดุล

 

ด้านโฆษกกระทรวงพลังงาน นายสมภพ พัฒนอริยางกูล กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบในตลาดสิงคโปร์ร่วงลงกว่า 18 เหรียญฯ

 

จึงทำให้ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินในไทยลงลิตรละ 3 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาต่อไปว่า การลดราคาน้ำมันจะต่อเนื่องหรือไม่ เพราะภาพรวมราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีความผันผวนและยังมีความไม่แน่นอนอยู่

 

ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในห้วงจังหวะที่ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงลิตรละ 3 บาทไว้อย่างน่าสนใจ

 

โดยกล่าวว่า การลดราคาน้ำมันครั้งนี้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะกลางเดือน ก.ค.มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ทำให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยว เกิดการจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างๆ และยังเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน

 

ทั้งนี้ ผลจากการลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮฮล์ลิตรละ 3 บาท มีผลต่อจีดีพี 0.15% และทำให้คนไทยประหยัดเงินไปได้วันละ 90 ล้านบาท หรือ 2,700 ล้านบาทต่อเดือนอีกด้วย

 

จากนี้ต่อไปยังคงต้องติดตามและมอนิเตอร์สถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด เพราะทุกปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับราคาน้ำมัน ย่อมเชื่อมโยงมายังประเทศที่มีปากท้องของประชาชนเป็นเดิมพันนั่นเอง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube