บิ๊กตู่ กั๊กแคนดิเดทนายกฯอย่าเพิ่งถามยังไม่ถึงเวลา
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกั๊ก เป็นแคนดิเดทนายกฯของพรรคใด บอกอย่าเพิ่งถาม ยังไม่ถึงเวลา เร่งช่วยเหลือประชาชน ได้รับผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน เตรียมคลอด 10 มาตรการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ แต่สัปดาห์นี้ค่อนจะคึกคัก โดยเฉพาะประเด็นการเมืองที่ร้อนแรงและน่าสนใจ ที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย ที่มีการประกาศเปิดตัวน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้มีการประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองก่อนมีการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
โดย ภายหลังการประชุม คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว แต่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ในการเลือกตั้งสมัยหน้าจะเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคใด ว่า “อย่าเพิ่งถามได้ไหม ยังไม่ถึงเวลาเลย”
ส่วนได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร เรื่องการตั้งพรรคสํารองอย่างไรบ้าง หลังมีพรรคเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้ก็ยังอยู่ ยังไม่มีอะไร และในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ “ไม่มีอะไร ให้เขาคุยกัน”
สำหรับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการหารือกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเดือดร้อนและมีผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดความผันผวนของราคาพลังงาน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักดีถึงความลำบากของประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย และผู้ใช้แรงงาน
จากการประเมินสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจจะไม่จบลงโดยเร็ว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน ซึ่งคาดว่า จะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างน้อย 10 มาตรการ โดยจะเป็นการออกมาตรการราย 3 เดือน ได้แก่
1. การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/เดือน
2. ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน
3. ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม
4. คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
5. ผู้ขับขี่แท๊กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม
6. ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม
7. ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง
8. กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป
9. ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป
10. ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42 – 180 บาทต่อเดือน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





