“เสี่ยหนู”หัก”ลุง”ลือซบ”เฮียโทนี่”
“เสี่ยหนู”หัก”ลุง”ลือซบ”เฮียโทนี่”
ปรากฏการณ์ 7 รัฐมนตรี ค่ายภูมิใจไทย ก่อหวอดไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ประกาศศักดาคัดค้านการแปลงสัญญาสัมปทาน เป็นสัญญาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร ที่มีผู้กุมบังเหียนคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ทำให้เกิดรอยปริแตก ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มขึ้น เสมือนการเปิดวอร์ ระหว่างเสี่ยหนู และบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ น้องเลิฟ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ นั้นเอง
พร้อมกันนั้น มีข่าวลือ ข่าวปล่อย ออกมาสัมทับว่า ขาใหญ่ภูมิใจไทย หรือเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริง ได้ดอดไปเจรจาโต๊ะลับกับเฮียโทนี่ ทักษิณ ชินวัตร เปิดดีลมหากาฬ เตรียมเกี่ยวก้อยร่วมหัวจมท้ายในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งแม้ว่าในอดีตทั้งขาใหญ่ภูมิใจไทย และนายใหญ่จะมีรอยแผลเป็นที่ยากที่ลืมเลือน แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป นกรู้ตัวจริงอย่าง ขาใหญ่ภูมิใจไทยย่อมรู้ว่ากระแสลมจะพัดพาไปทางใด
อีกทั้งตัวเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกุล ที่พ่วง 3หัวโขน คือรองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เฮียโทนี่ มาตลอด ซึ่งเสี่ยหนูเคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี2561 ว่า สำหรับคุณทักษิณ ท่านเคยเป็นนายกรัฐมนตรี เคยเป็นผู้บังคับบัญชาของผม เหมือนทุกคนที่เรียกใครว่า “นาย” ก็คือเป็นนายจนตายจากกันไป นั่นคือความเคารพความให้เกียรติ ผมเจอคุณหญิงสุดารัตน์ ก็เรียกท่านว่า “นาย”
และเมื่อย้อนดูเส้นทางการเมือง เสี่ยหนู ในปี 2539 เขาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ช่วงรัฐบาล ทักษิณ 2 ต่อมาหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ “อนุทิน” จึงกลายเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และในช่วงปี2562 เสี่ยหนู กล่าวถึงประเด็น รัฐบาลเอาหน้ารับคำชื่นชมโครงการบัตร 30 บาท ว่า”ผมเชิญ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่อยู่ในผู้ริเริ่มโครงการมาร่วมเป็นที่ปรึกษา ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะไปลืมที่มา เพราะรู้อยู่แล้วว่านี่คือคุณูปการที่อดีตนายกฯ ได้ทำไว้ในประเทศไทย ยังไงก็ไม่มีใครลืมท่าน”
หรือในปี2564 ช่วงที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวทักษิณ เป็นที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย นั้นเสี่ยหนู ยังบอกว่าถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีคลื่นลูกใหม่เข้ามาแทนคลื่นลูกเก่า ที่มีประวัติการศึกษาดี มาช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง จึงไม่มีปัญหาทั้งนี้ไม่ถือเป็นคู่แข่งของพรรคภูมิใจไทย แต่ต้องแข่งกับตัวเอง เพราะทำงานการเมืองคนละบทบาท ไม่ได้มีอะไรเกลียดชังกันหรือเคียดแค้นกันเป็นการส่วนตัว
ฉะนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ของเสี่ยหนูและนายใหญ่ก็ไม่มีอะไรบาดหมางกัน ส่วน ขาใหญ่ภูมิใจไทย นั้นตามข่าวก็มีการขอโทษขอโพย สงบศึกกันไปแล้ว แต่จะกลับมาจูบปากอีกหนหรือไม่นั้น ยังไม่มีสัญญาญที่ชัดมากนัก แต่สิ่งที่ “7 รัฐมนตรี” ของค่ายภูมิใจไทย ฉายโชว์กล้าหักลุงตู่ ลุงป๊อก นั้นย่อมแสดงว่า ค่ายนี้พร้อมเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว พร้อมรบเต็มที่ เชื่อมั่นในศักยภาพว่าจะโกยสส.ได้มากตามที่ใจปรารถนา
อีกทั้งที่ผ่านมา สังคมจะเห็นภาพความขัดแย้งภายในพรรคใหญ่ๆ ทั้ง พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคประชาธิปัตย์ แต่แทบไม่เห็นความขัดแย้งในค่ายภูมิใจไทยเลย ซึ่งย่อมหมายถึงว่าผู้มีอำนาจตัวจริงในพรรคสามารถบริหารจัดการเรื่องภายในพรรคได้อย่างลงตัว ทำให้ภูมิใจไทยมีความเป็นเอกภาพ และมีอำนาจต่อรองมากขึ้น และยิ่งถ้าร่วมมือกับค่ายสะตอในบางภารกิจ ก็จะสามารถกดดันลุงตู่ได้ไม่น้อย
และนั้นเป็นอีก 1 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเส้นทางเดินของพล.อ.ประยุทธ์ เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปกำลังคืบคลานมาเรื่อยๆแล้วเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
