fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

“โอไมครอน”ฝันร้ายตลาดหุ้น

ทันทีที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO จัดอันดับให้ “โอไมครอน” เป็นสายพันธุ์โควิด-19 ที่น่ากังวล นั่นเพราะเป็นเชื้อที่มีการกระจายตัวเร็วกว่า ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น และมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้

 

ซึ่งแน่นอนว่า ความดุของสายพันธุ์นี้ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่ง ไม่เว้นแต่ตลาดหุ้นไทย ที่แดงเถือกทั้งกระดานหลังจากรู้ข่าว ปิดลบ 37.85 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาในวันจันทร์

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า ระบุว่า ตลาดหุ้นยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด -19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” ที่พบในแอฟริกา รวมทั้งเริ่มพบการติดเชื้อในอังกฤษ เยอรมนี และอิตาลีแล้ว โดยหากไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง คาดอาจทำให้หลายประเทศจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่อีกครั้ง กระตุ้นความกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อีกครั้ง

เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คาดว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นยังคงอยู่ในภาวะผันผวนจนกว่าจะมีรายละเอียดที่มากพอ ทั้งผลของการแพร่ระบาด แนวทางรักษาว่าจะดื้อยาหรือไม่

ขณะนี้นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ “นายพรายพล คุ้มทรัพย์” เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ เป็นเรื่องที่น่าวิตกและกังวล เนื่องจากเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ดังนั้นต้องจับตาสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญประเทศไทยคงต้องวางแผนรับมือและไม่ผ่อนคลายมาตรการมากจนเกินไป รวมไปถึงต้องมีการวางแผนที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เพราะหากเกิดการระบาดรอบใหม่อาจทำให้เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวประสบปัญหาได้ และอาจจะได้รับความเสียหายมากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา หากเกิดการแพร่ระบาดจนต้องล็อกดาวน์

 

 

 

 

ส่วนฝั่งตลาดทุน โดยนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ที่ผ่านมาการกระจายวัคซีนรัฐบาลทำได้ดี แต่วันนี้โควิด-19มีการกลายพันธุ์ ดังนั้นจะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้นทั้งเข็มแรกและบูสเตอร์โดส รวมถึงต้องมีมาตรการต่างๆที่พร้อมใช้ หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ ส่วนเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยปีหน้า 2565 เชื่อว่าจะไปต่อไปได้ โดยคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 4 จากนโยบายการเปิดประเทศ

“เชื่อว่าเศรษฐกิจเราน่าจะกลับไปโตในระดับประมาณ 4% ได้จากการเปิดประเทศของเรา แล้วก็หวังว่า อย่างที่ผมบอก ถ้ามีมาตรการทุกอย่างที่ชัดเจน แล้วก็สามารถควบคุมทุกอย่างได้ดีเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะกลับมา พอกลับมาแล้วจะสร้าง Growth ให้เศรษฐกิจได้พอสมควร ตรงนี้ก็เป็นอะไรที่ ผมคิดว่าทุกคนก็คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเป็นในลักษณะอย่างนี้ตลาดหุ้นไทยก็ยังน่าจะอยู่ในขาขึ้นในปีหน้าเพราะว่าเราอยู่ในตลาดหุ้นที่อันเดอร์เพอร์ฟอร์มหลายๆตลาด เพราะถ้านับตั้งแต่เกิดโควิด ดัชนีเราก็อยู่แถวๆ เกือบ 1,600 จุด ตอนนี้เราอยู่แค่เท่าเดิมนะครับ ทั้งนี้หลายประเทศ ก็ขึ้นเกินระดับก่อนโควิดไปสัก 30- 40% แล้ว ส่วนผมยังเชื่อว่าปีหน้าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศสมูทได้ดี การฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆผมเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีอัพไซต์มากพอสมควรครับ”

จากนี้ต่อไปจะต้องโควิด -19 สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการกระจายไปจุดไหนบ้าง และจะเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่อย่างไร เพราะนี่คืออีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงมายังเศรษฐกิจไทยนั้นเอง

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube