fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. พร้อมด้วย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK ว่า สปสช. ได้ร่วมกับ กทม. ดำเนินการตรวจเชิงรุกให้กับประชาชน โดยใช้ชุดตรวจ ATK พบว่าผ่านมา 2 สัปดาห์ตรวจไปแล้ว 50,000 ราย พบเชื้อ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อนำไปตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ปรากฏว่าผลคลาดเคลื่อนไม่เกิน 3เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ยืนยันว่าการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เป็นการตรวจที่มีผลแม่นยำสูง ทราบผลภายใน 15 นาที และสามารถช่วยให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงขั้นตอนการรักษาได้เร็วยิ่งขึ้นอีกทั้งขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการจัดชุดเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตรวจเชิงรุกฟรีในชุมชนด้วยชุดตรวจ ATK

ด้าน นพ.รุ่งเรือง เปิดเผยว่า สำหรับประชาชนที่ต้องการซื้อชุดตรวจ ATK มาตรวจเองที่บ้านนั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ต่างๆ ที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำวิธีการตรวจที่ถูกต้องซึ่งจะทำให้ผลตรวจแม่นยำ และไม่ควรซื้อชุดตรวจผ่านออนไลน์

สำหรับประชาชนที่ตรวจเองแล้วผลเป็นลบ ขอให้ท่านกักตัวเพื่อดูอาการที่บ้าน 14 วัน โดยระหว่างนี้สามารถซื้อชุดตรวจ มาตรวจซ้ำได้อีกครั้ง หลังจากตรวจครั้งแรก 3-4 วัน เพื่อยืนยันผลส่วนกรณีผลตรวจเป็นบวกให้โทรติดต่อที่เบอร์ 1330 ซึ่งจะมีทีมแพทย์ให้คำแนะนำระหว่างการแยกกักรักษาตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation พร้อมส่งชุดอุปกรณ์การรักษาไปให้สำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว ส่วนผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเหลืองหรือสีแดง ที่มีอาการรุนแรง ให้ติดต่อที่เบอร์ 1669 ทันที

 

 

นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า มีประชาชนกังวลหากรักษาตัวที่บ้านจะไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ นั้น ขอยืนยันว่า ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์และฟ้าทะลายโจร เพียงพอให้กับประชาชนที่กักตัวอยู่ที่บ้านอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่มีประชาชน ระบุว่ามีโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งได้ดำเนินการขอเรียกเก็บเงินก่อนรักษานั้น หากประชาชนพบเห็นการกระทำดังกล่าวขอให้ร้องเรียนหรือแจ้งได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ที่เบอร์ 1426 หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริงทางกระทรวงจะดำเนินการทางด้านกฎหมายทันที

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube