fbpx
Home
|
คลิปข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวต้นชั่วโมง 17.00 น.

ศปก.ศบค. เตรียมชงชุดใหญ่ปรับพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 24 ขยับเคอร์ฟิวเหลือ 5 ทุ่มถึงตี 3 เคาะ 10 ประเทศเสี่ยงต่ำ รับนทท.เข้าไทยโดยไม่กักตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 14 ต.ค.เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด ของเชื้อโรคโควิด-19 หรือ (ศบค.) จะเป็นประธานการประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 หลังจากผ่อนคลายและปรับมาตรการกิจการกิจกรรมต่างๆมาครบ 14 วัน โดย ศปก.ศบค. จะเสนอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาปรับระดับสีใหม่ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้มเหลือจำนวน 24 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง จำนวน 29 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมหรือสีส้ม จำนวน 24 จังหวัด

พร้อมกันนี้ ศปก.ศบค. จะเสนอให้ที่ประชุมศบค. พิจารณาเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือ เคอร์ฟิว โดยเสนอให้ขยับเวลาจากเดิม 22.00น.-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เป็น 23.00น. – 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ไปอีก 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 – 31 ต.ค. 2564 ส่วนกิจการกิจกรรมในพื้นที่สีแดงเข้ม จะเสนอให้ผ่อนคลายและปรับมาตรการคือ ให้สามารถจัดการประชุมรวมถึงงานประเพณีในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ

และสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมได้ โดยปรับจำนวนการรวมกลุ่มคนตามระดับพื้นที่สี รวมถึงให้เปิดสถานดูแลผู้สูงอายุแบบไป-กลับได้ แต่ต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งกิจการกิจกรรมที่จะปรับมาตรการในครั้งนี้ให้เปิดดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 22.00 น.

นอกจากนี้ จะเสนอให้เปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศแบบไม่ต้องกักตัว โดยจะพิจารณาปัจจัยหลักคือ จำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ ศบค.พิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือ ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าตามด้วย ไฟเซอร์ และจะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆเพื่อรองรับการเปิดประเทศ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในวันที่ 1 พ.ย. รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆก่อนที่จะอนุญาตเปิดสถานบันเทิงให้ดื่มกินได้วันที่ 1 ธ.ค. โดยข้อเสนอต่างๆจะชัดเจนอย่างไรให้รอมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 14 ต.ค.

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube