Home
|
ข่าว

“ออง ลา เอ็น ซาง” ปิดตำนานนักสู้ ส่งต่อแรงบันดาลใจรุ่นหลัง

Featured Image

อำลาสังเวียนอย่างสง่างาม ! “ออง ลา เอ็น ซาง”  ปิดฉากตำนาน 20 ปี พร้อมทิ้งมรดกแห่งแรงบันดาลใจไว้ให้กับนักสู้รุ่นหลังทั่วโลก

 

“ออง ลา เอ็น ซาง” ชื่อนี้ไม่ได้เป็นเพียงนักสู้ แต่คือสัญลักษณ์ของความศรัทธา ความอดทน และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของชาวเมียนมา หลังจากโลดแล่นอยู่บนสังเวียนกว่า 20 ปี และอยู่ในศึก ONE Championship ยาวนานถึง 11 ปี จอมบู๊วัย 40 ปี ตัดสินใจปิดฉากเส้นทางการต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทิ้งมรดกแห่งแรงบันดาลใจไว้ให้กับนักสู้รุ่นหลังทั่วโลก

 

และเขาทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ในไฟต์สุดท้ายของชีวิตนักสู้ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ในศึก ONE Fight Night 36 ที่ประเทศไทย “ออง ลา เอ็น ซาง” โชว์ฟอร์มระดับตำนาน ไล่ถล่ม “เซบาสเตียน คาเดสตัม” อดีตแชมป์โลกชาวสวีเดน วัย 35 ปี จนกรรมการต้องยุติการชกในยกที่ 2 ส่งท้ายอาชีพด้วยชัยชนะทีเคโอที่ตราตรึงหัวใจแฟน ๆ ทั่วโลก

 

นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะในสังเวียน แต่มันคือ “ชัยชนะของชีวิต” ของชายคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากศูนย์ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากบ้านเกิดในเมียนมา มาสานฝันบนเวทีระดับโลก จนกลายเป็นแชมป์โลกสองรุ่นใน ONE Championship และเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่แฟน ๆ รักและเคารพมากที่สุด

 

ปิดฉากอย่างสมศักดิ์ศรี จากนักสู้ผู้สร้างตำนาน  หลังไฟต์อำลา “ออง ลา” ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากผู้ชมทั่วสนาม ดังก้องราวกับเป็นการขอบคุณจากแฟน ๆ ที่ติดตามเขามาตลอดกว่าทศวรรษ

 

 

“ผมรักสิ่งที่ ONE ยึดมั่นมาตั้งแต่ปี 2562 นั่นคือ ความเคารพซึ่งกันและกัน เกียรติยศ และความรัก ผมหวังว่าพวกเขาจะรักษาความเชื่อนี้ต่อไป การได้เห็น ONE เติบโตจากองค์กรเล็ก ๆ จนกลายเป็นเวทีระดับโลก ถือเป็นเกียรติและน่าทึ่งมากสำหรับผมครับ”

 

 

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความภาคภูมิใจ ก่อนหันไปขอบคุณแฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนมาตลอดเส้นทางอันยาวนาน

 

 

“ขอบคุณแฟน ๆ ชาวเมียนมา ขอบคุณประเทศไทยที่เป็นเจ้าภาพ ขอบคุณ ONE สำหรับการเดินทางที่สุดยอด ชีวิตคนเราสั้น แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของผมเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ เพราะพวกคุณทุกคน ขอบคุณจากใจจริงครับ”

 

 

จากแชมป์โลกสองรุ่น สู่ “ตำนานมีชีวิต”  ตลอดเส้นทางใน ONE Championship “ออง ลา เอ็น ซาง” ลงแข่งขันทั้งสิ้น 22 ไฟต์ คว้าชัยได้ถึง 16 ครั้ง และถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ในฐานะ นักกีฬาชาวเมียนมาคนแรก ที่สามารถครองแชมป์โลกได้ถึง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นมิดเดิลเวต (185 ปอนด์) และไลต์เฮฟวีเวต (205 ปอนด์)

 

 

ช่วงพีกของเขาเกิดขึ้นในปี 2017-2019 ซึ่งถือเป็นยุคทองของ “ออง ลา” อย่างแท้จริง เขากลายเป็นขวัญใจของแฟน ๆ ด้วยสไตล์การต่อสู้ที่ดุดันแต่เปี่ยมด้วยความเคารพคู่ต่อสู้ เป็นนักสู้ที่ไม่เคยโอ้อวด ไม่ยกตนเหนือใคร แต่ทุกครั้งที่ก้าวขึ้นสังเวียน เขาจะต่อสู้ด้วยหัวใจของคนทั้งชาติ

 

 

และไม่ใช่เพียงแค่ชาวเมียนมาเท่านั้นที่ชื่นชมเขา แฟน ๆ จากทั่วโลกต่างยกย่อง “ออง ลา เอ็น ซาง” ว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มี “จิตวิญญาณแห่งความเป็นนักสู้” ที่แท้จริง

 

 

หลังแขวนนวม “ออง ลา” ไม่ได้วางมือจากวงการ เขาเตรียมผันตัวไปเป็นโค้ชเต็มตัวที่ยิมของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “ไพธอน MMA” เพื่อถ่ายทอดความรู้และจิตวิญญาณของ MMA ให้กับนักสู้รุ่นใหม่

 

 

“ผมตั้งใจจะไปเป็นโค้ชที่ยิมเล็ก ๆ ใกล้บ้าน เพื่อพัฒนาตัวเองให้เข้าใจกีฬา MMA มากขึ้น และสร้างความแตกต่างให้กับวงการนี้ ผมอยากเป็นโค้ชที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้”

 

สำหรับ “ออง ลา” การรีไทร์ไม่ใช่จุดจบ แต่คือการเริ่มต้นของบทบาทใหม่ “ผู้ให้แรงบันดาลใจ” ที่พร้อมจะส่งต่อพลังแห่งศรัทธา ความมุ่งมั่น และหัวใจนักสู้ให้กับเด็กรุ่นหลัง

 

“เป้าหมายของผมคือสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ มุ่งมั่นทำงานเพื่ออนาคตที่สดใส ความรักในกีฬานี้และศรัทธาในพระเจ้าคือพลังที่ทำให้ผมจะก้าวต่อไป”

 

คำพูดสุดท้ายของตำนาน ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ “ออง ลา เอ็น ซาง” ฝากข้อความที่เรียบง่ายแต่กินใจที่สุดในค่ำคืนนั้น

 

“ชีวิตมีทั้งขึ้นและลง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือครอบครัวและคนที่คุณรัก พี่น้องชาวเมียนมา ไม่ว่าคุณจะเจอความสุขหรือความทุกข์เพียงใด จงเก็บความรักไว้ในหัวใจและสู้ต่อไปครับ”

 

คำพูดนี้ไม่เพียงสื่อถึงตัวตนของเขาในฐานะนักสู้เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงหัวใจของชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตบนสังเวียนด้วยความรัก ความเชื่อ และความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตน

 

“ออง ลา เอ็น ซาง” จากเด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางสงครามในเมียนมา สู่นักสู้ผู้ชูธงชาติของตนบนเวทีโลก “ออง ลา เอ็น ซาง” คือภาพแทนของคำว่า ความมุ่งมั่นไม่สิ้นสุด เขาคือฮีโร่ของชาติที่ไม่เคยหยุดฝัน และไม่เคยหยุดต่อสู้แม้ยามพ่ายแพ้

 

วันนี้แม้เขาจะวางนวม แล้ว แต่ชื่อของ “ออง ลา เอ็น ซาง” จะยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของ ONE Championship และในหัวใจของแฟน ๆ ทั่วโลกในฐานะ “ตำนานผู้ไม่ยอมแพ้”

 

“เขาอาจเลิกต่อสู้บนสังเวียน… แต่จิตวิญญาณของเขายังคงต่อสู้อยู่ในใจของพวกเราทุกคน” ตำนานได้จบลงอย่างงดงาม และตำนานนั้นชื่อว่า ออง ลา เอ็น ซาง

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

 

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube