“ช้างศึก” ทีมชาติไทย พลาดคว้าแชมป์คิงส์คัพ สมัยที่ 16 อย่างน่าเสียดาย หลังพ่ายในการดวลจุดโทษให้กับ อิรัก 4-5 หลังเสมอ หลังเสมอในเวลาปกติแบบสุดมัน 2-2
ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ไทย พบ อิรัก
เกมที่แล้ว ไทย เอาชนะ เลบานอน มาแบบหวุดหวิด 2-1 จากประตูชัยของ ธีรศิลป์ แดงดา ช่วงท้ายเกม ส่วน อิรัก ผ่านอินเดีย มาด้วยการดวลลูกจุดโทษ
มาโน โพลกิ้ง ส่ง ธีรศิลป์ แดงดา ฮีโร่จากเกมก่อน เป็นกองหน้าตัวเป้า โดยมี สุภโชค สารชาติ, บดินทร์ ผาลา ทำเกมริมเส้น ส่วนคู่เซ็นเตอร์ใช้ เอเลียส ดอเลาะ จับคู่พรรษา เหมวิบูลย์ โดยดัน กฤษดา กาแมน ไปเล่นมิดฟิลด์ร่วมกับ สารัช อยู่เย็น และวีระเทพ ป้อมพันธุ์
ผลการเเข่งขัน ปรากฎว่า ครึ่งเเรก ถึงนาทีที่ 18 อิรัก ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะทุ่มไกล กองหลังช้างศึกสกัดกันไม่ขาดมาเข้าทาง อายมาน ฮุสเซน ซัดเข้าไปง่ายๆ
หลังเสียประตู ไทย โหมบุกอย่างหนักเพื่อทวงประตูคืน และความพยายามก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 37 จากจังหวะที่ ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลจากกราบซ้ายให้ นิโคลัส มิเคลสัน โฉบมาโหม่งเข้าไป “ช้างศึก” ตีเสมอ 1-1 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง นาทีที่ 64 อิรัก ที่ดูเหมือนจะครองบอลได้เหนือกว่า ไทย เล็กน้อย ก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากการยิงของ อัมเยด คาดฮิม
จากนั้น 78 ไทย ได้จุดโทษ แต่ ธีรศิลป์ แดงดา ยิงไม่เข้า
อย่างไรก็ตามถัดมาเพียง 4 นาที ไทย ก็มาได้ประตูตามตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ จาก บดินทร์ ผาลา โหม่งบอลย้อนทางเข้าประตูไป
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำสกอร์กันเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เสมอกันไป 2-2 ต้องตัดสินหาแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ
ปรากฎว่าในช่วงการดวลจุดโทษกลายเป็น อิรัก ยิงไม่พลาดเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนทางฝั่งไทย ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ สังหารพลาด และกลายเป็น อิรัก ที่เอาชนะไป 5-4 คว้าแชมป์คิงส์คัพ ไปครองได้สำเร็จเป็นสมัยแรก ส่วน “ช้างศึก” ยังต้องรอแชมป์สมัยที่ 16 ต่อไป
สำหรับ ทีมชาติไทย จะมีโปรแกรมอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่า เดย์ อีกครั้ง โดยมีโปรแกรมจะพบกับ จอร์เจีย และ เอสโตเนีย ในวันที่ 12 และ 17 ตุลาคม 2566
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
