อาร์เซนอล มารัว 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเปิดถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023-24 คู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล อันดับ 6 ของตาราง เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 10 ของตาราง
มิเกล อาร์เตต้า เลิกฝืดจับมือมิดฟิลด์มายืนแบ็ก หลังจัดทีมเล่น 4-3-3 ใช้ กาเบรียล กลับมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ วิลเลียม ซาลิบา อีกครั้ง โดยฝั่งซ้ายก็ได้โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ กลับมาเป็นตัวจริง ขณะที่หน้าเป้าใช้ เอ็นเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ เล่นก่อน เลอันโดร ทรอสซาร์
ฝั่งยูไนเต็ด ส่ง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ จับคู่กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ใช้ ดิโอโก ดาโลท์ เล่นเป็นแบ็กซ้าย ในแดนหน้า อองโตนี มาร์กซิยาล มีชื่อเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า โยก มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกมาเล่นทางซ้าย และมี แอนโทนี่ ยืนอยู่ฝั่งขวาเหมือนเดิม นัดนี้ ฮอยลุนด์ หัวหอกตัวใหม่ มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองด้วย
ผลปรากฏว่า ครึ่งแรก นาทีที่ 12 อาร์เซนอล ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ได้ส้มหล่นในเขตโทษแต่ดันยิงวืดอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นนาทีที่ 18 อาร์เซนอล ได้เตะมุมฝั่งขวา บูกาโย ซากา เปิดบอลเข้าเขตโทษ ดีแคลน ไรซ์ ขึ้น โหม่งหลุดกรอบออกไป
ถึงนาทีที่ 27 แมนยูฯ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ คริสเตียน อีริคเซน จ่ายบอลทะลุขึ้นมาทางซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษก่อนหาจังหวะซัดด้วยขวา บอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม
แต่ทว่านาทีที่ 28 อาร์เซนอล ตีเสมอเป็น 1-1 อย่างวดเร็ว จากการยิงของ มาร์ติน โอเดการ์ด
จบครึ่งแรก อาร์เซนอล เสมอ แมนยูฯ อยู่ 1-1
ครึ่งหลัง ถึง นาทีที่ 89 แมนยูฯ เกือบขึ้นนำเหมือนกัน เมื่อ อเลฮานโดร การ์นาโช ยิงเข้าไป แต่ VAR เช็กว่าล้ำหน้า
ทดเจ็บ นาทีที่ 90+6 อาร์เซนอล ขึ้นนำ 2-1 จาก ดีแคลน ไรซ์ และนาทีที่ 90+11 อาร์เซนอล นำห่าง 3-1 จาก กาเบรียล เฆซุส
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาแพ้ อาร์เซนอล 1-3
ผลคู่อื่นๆ
ลิเวอร์พูล 3-0 แอสตัน วิลลา
คริสตัล พาเลซ 3-2 วูล์ฟแฮมป์ตัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
