“สีหศักดิ์”ทำหนังสือถึง OHCHR ชี้แจงจำเป็นปฏิบัติการทหาร
“สีหศักดิ์” ทำหนังสือถึง OHCHR ชี้แจงจำเป็นปฏิบัติการทหาร ย้ำหากไทยหยุดยิง กัมพูชาต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ 3 ประการ
กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงท่าทีไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยืนยันว่า การหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายแสดงความจริงใจผ่านการกระทำ ไม่ใช่เพียงคำพูด พร้อมเปิดเผยว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เพื่ออธิบายเหตุผลและความจำเป็นในการปฏิบัติการทางทหารของไทย รวมถึงเรียกร้องให้กัมพูชายุติการโจมตี พลเรือนและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ
โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระแสข่าวเรื่องการหยุดยิงที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียนั้น ไม่เป็นความจริง โดยนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรีไทยโดยตรงแล้วว่า ไม่มีการหารือเรื่องการหยุดยิง เพียงแต่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการยั่วยุเท่านั้น พร้อมระบุว่า การบิดเบือนข้อมูลดังกล่าวอาจเกิดจากบางฝ่ายที่หวังผลประโยชน์ทางการเมือง
โฆษก กต. ย้ำว่า หากจะมีการหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชาต้องพิสูจน์ความจริงใจด้วยการกระทำ 3 ประการ ได้แก่ การประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการ การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง และต้องร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง เนื่องจากไทยมีบทเรียนจากอดีตว่าคำพูดของกัมพูชามักไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่กัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่พื้นที่พลเรือนในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้พลเรือนไทยเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายราย สะท้อนให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการโจมตี โดยเจตนา ซึ่งไทยขอประณามอย่างรุนแรง พร้อมยืนยันความจำเป็นในการปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน
นายนิกรเดช เปิดเผยว่า หนังสือที่นายสีหศักดิ์ส่งถึง OHCHR ระบุชัดว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีและมุ่งเป้าพื้นที่พลเรือน ทำให้ทหารและประชาชนไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงโรงเรียนและสถานพยาบาลกว่า 600 แห่งต้องปิดทำการชั่วคราว ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ โดยตอบโต้เฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
พร้อมกันนี้ ไทยได้ขอให้ OHCHR เรียกร้องให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความรับผิดชอบ และยุติการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยืนยันว่าไทยพร้อมทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ OHCHR และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างสันติ
ส่วนข้อกล่าวหาว่าไทยละเมิดอนุสัญญากรุงเฮกจากการปฏิบัติการใกล้โบราณสถานนั้น โฆษก กต. ชี้แจงว่า ไทยมีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพกัมพูชาใช้โบราณสถานตามแนวชายแดนเป็นฐานทหาร แหล่งสะสมอาวุธ และจุดซุ่มโจมตี ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศเสียเอง การปฏิบัติการของไทยจึงเป็นไปตามข้อยกเว้นที่อนุสัญญากรุงเฮกกำหนดไว้ เพื่อป้องกันภัยคุกคามและคุ้มครองประชาชนตามแนวชายแดน
กระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า ไทยจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิต ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมกันกดดันกัมพูชาให้ยุติการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และแสดงความจริงใจ ในการลดความตึงเครียดผ่านการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงคำพูดเท่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





