“โรม” ชี้ถล่มตึกกาสิโนแค่สัญลักษณ์ ย้ำต้องปราบสแกมเมอร์ให้เด็ดขาด
“โรม” ชี้ ถล่มตึกร้างกาสิโนเป็นแค่สัญลักษณ์ ย้ำต้องปราบสแกมเมอร์ให้เด็ดขาด แนะไทยชิงยื่น ICC ก่อนกัมพูชา ห่วงมหาอำนาจเริ่มเข้าเกม ต้องรักษาความชอบธรรมของชาติ
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงประเด็นปัญหาเครือข่ายสแกมเมอร์ว่า การประชุมวันนี้จะติดตามกรณี “เบน สมิธ – ยิม เลียก – ฮุนโต” ซึ่งเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มฟอกเงินและบริษัทสิงคโปร์ที่เคยทำ MOU กับกระทรวงดีอี พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการล่าช้า อาจเปิดช่องให้มีการยักย้าย ทรัพย์สินก่อนถูกยึดจริง ทั้งนี้ แม้มีการออกหมายจับเครือข่ายบางส่วน แต่ยังไม่ปรากฏหมายจับของ “เบน สมิธ” ซึ่งอาจทำให้การยึดทรัพย์ล่าช้าจนเสียเปรียบ พร้อมย้ำว่าทรัพย์สินหมื่นล้าน ที่พบยังเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” เท่านั้น
กมธ. เตรียมซักถามนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี และหน่วยงานตรวจสอบการเงินหลายแห่ง หลังพบเครือข่ายนักการเมืองและผู้มีอำนาจหลายรายเกี่ยวข้อง ทั้งอดีตรัฐมนตรีดีอี รวมถึงผู้บริหารระดับสูงที่ปัจจุบันทำหน้าที่ใน ก.ล.ต. ซึ่งควรเป็นหน่วยงานตรวจสอบ แต่กลับถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม พร้อมย้ำว่า รากเหง้าปัญหาไทย–กัมพูชา ไม่ได้มีแค่ข้อพิพาทชายแดนแต่แก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชามีกว่า 100 แห่ง สร้างรายได้สูงถึง 60% ของเศรษฐกิจประเทศ และเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” สำคัญของระบอบฮุนเซน ทำให้ขับเคลื่อนความขัดแย้งได้ทั้งในแนวชายแดน และสงครามข้อมูลข่าวสาร ดังนั้น การกำจัดสแกมเมอร์คือวิธีทำลายฐานอำนาจอย่างแท้จริง
ส่วนกรณีไทยโจมตีอาคารกาสิโน นายรังสิมันต์ มองว่า เป็นเพียงการกระทำเชิงสัญลักษณ์ เพราะตัวอาคารไม่ได้เป็นฐานทำงานของสแกมเมอร์แล้ว และไม่กระทบโครงสร้างรายได้เครือข่าย และย้ำว่า การปราบสแกมเมอร์ต้องจัดการ “โครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติ” และระบบฟอกเงินในไทยควบคู่กัน ไม่เช่นนั้นบ่อเงินของระบอบฮุนเซนยังอยู่ต่อไป
นายรังสิมันต์ ยังแสดงความกังวลต่อความพยายามของกัมพูชาที่อาจยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แต่ไทยสามารถ “ชิงเกม” ด้วยการรวบรวมหลักฐานเหตุระเบิดในไทยช่วงก่อนหน้า ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต และสามารถยื่นเรื่องต่อ ICC ได้เช่นกัน เพราะกัมพูชาเป็นภาคี ส่วนท่าทีแข็งกร้าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์ ระบุว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ “สไตล์การแสดงออก” แต่ให้ความสำคัญกับ “ยุทธศาสตร์แก้ปัญหา” ที่ต้องพิจารณารอบด้านเพื่อสร้างเสถียรภาพระยะยาว ขณะที่กระแสข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจโทรหานายกฯ นายรังสิมันต์ มองว่า การที่มหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องมีทั้งข้อดีและความเสี่ยง ทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ ไทยต้องชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ให้ดี และทำให้ทั่วโลกเห็นว่าไทยเป็นฝ่ายที่มีความชอบธรรมในข้อพิพาทนี้
“สิ่งสำคัญที่สุด คือ เราต้องชนะในสมรภูมิความชอบธรรม” พร้อมย้ำว่า การต่อสู้บนชายแดนยังต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
