Home
|
ข่าว

ดีลกินเส้น ”ทักษิณ-เนวิน” ยังไม่จบ?

 

 

ยังคงมีท่าที มาจากฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าฝ่าย สีน้ำเงิน หรือ สีแดง หรือ “คนวงนอก” หลัง ข้อสรุป “บอร์ดคดีพิเศษ” เมื่อวาน(6มี.ค.) ที่สรุป ให้นำ คดีฮั้วเลือกสว.เข้าสู่การสอบสวนในฐานะคดีพิเศษ เฉพาะประเด็นการฟอกเงิน

 

 

 

 

ซึ่งเป็นอำนาจของดีเอสไอ (DSI) อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ ระบุว่า ข้อสรุปเมื่อวาน (6มี.ค.) เป็นการจบแบบวินๆของฝ่ายการเมืองทั้ง 2 สี ที่ “คอการเมือง” เชื่อมโยงกับภาพการเข้าไปพูดคุยกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้าของ “4ผู้มีอิทธิพลการเมือง” อย่าง “ทักษิณ-นายกฯอิงค์-เนวิน -หัวหน้าหนู-อนุทิน” 2มี.ค. ที่ “อนุทิน”ก็ยอมรับเมื่อวานรวมถึงวันนี้ที่ย้ำว่าเป็นการพูดคุยหลายเรื่องกินก๋วยเตี๋ยวมีเส้นไม่มีเกาเหลาเรายังรักกันดีเสือสองตัวอยู่ร่วมถ้ำกันได้

 

 

 

หรือการมองปรากฏการณ์ในบอร์ดคดีพิเศษ ที่แตกต่างจากอนุกรรมการ ที่ว่ากันว่ามี “บิ๊กข้าราชการ” ในนั้นเกินครึ่งในจำนวนทั้งหมด 22 คน มาประชุม 18 คนที่ส่วนใหญ่ก็โหวตสวนหรืองดโหวต ไม่เสี่ยงด้วยที่จะถูก “หางเลข”โดน ม.157 ตามที่ทั้ง “เลขากฤษฎีกา-ปกรณ์” และ “อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ-อ.จรัญ” เตือนให้ระวังอย่างที่ “ตู่-จตุพร” บอกว่า การที่ “บอร์ดคดีพิเศษ” ไม่ได้พิจารณาคดีอั้งยี่ ซ่องโจร ฐานฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษแต่มีมติ 11 เสียงให้อธิบดีกรมดีเอสไอดำเนินการสอบสวนคดีฟอกเงินจากการได้มาสว. สะท้อนถึงไม่ดำเนินการตามอำนาจต้องการ เพราะสุ่มเสี่ยงกับชีวิตอนาคตของกรรมมการ

 

 

 

แม้ว่า “รองนายกอ้วน-ภูมิธรรม” จะออกมาโพสต์FBร่ายยาว ชี้แจงว่า มติ กคพ. ใช้ข้อกฎหมายตรวจสอบฮั้วสว.ไม่ใช่เรื่องการเมือง ยืนยันมีความโปร่งใส ก่อนจะให้สัมภาษณ์เพิ่มว่า การรับคดีฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษทำตามหน้าที่ไม่เคยคิดเอาเรื่องทางการเมืองมาทำร้ายกัน โดยเชื่อว่าจะ ไม่กระทบ “ศึกซักฟอกนายกฯ”เช่นเดียวกับ “อนุทิน” ที่ออกมาปฏิเสธว่าเรื่องนี้ เป็นผลจาก ดีลการเมือง และแจง

 

 

 

กรณีที่ “รังสิมันต์ โรม“พรรคเด็ก-ประชาชน ให้สัมภาษณ์พาดพิงว่า เหตุที่ผลของดีเอสไอเปลี่ยนฐานความผิดเป็นฟอกเงินอาจมาจากดีลลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ “อนุทิน” ส่ายหัว บอกว่า โรมพูดไปเรื่อย จริงบ้างไม่จริงบ้างแต่ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เจอที่สภาก็ทักทายกันดี ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ ซึ่งข้อมูลของนายรังสิมันต์บางเรื่องก็มีประโยชน์แต่บางข้อมูลก็ไม่เป็นประโยชน์ ก่อนย้ำว่า ผลคดีของดีเอสไอออกมาไม่เกี่ยวกับดีลบ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือเราทำอะไรตรงไปตรงมาเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องไปลับอะไร และไปพบใครก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไปพบใครแล้วต้องมารายงาน แต่ถ้าใครรู้ เราก็ไม่ปฏิเสธ

 

 

 

ในขณะที่บางฝ่ายมองปรากฏการณ์นี้นอกจากสะท้อนภาพ “อำนาจทางการเมือง” ที่ไปรวมศูนย์นอกทำเนียบฯที่ “ทักษิณ”โดยโยงถึง “ผู้กุมดีล” กำลังลดลงเรื่อยๆ พร้อมการงวดใกล้ไปสู่ “ศึกอภิปราย” และ “คดีคนชั้น14” ในปปช.ยังสะท้อนภาพความสัมพันธ์ที่ยังคง “ขัดแย้ง” กันต่อไประหว่าง เพื่อไทย-ภูมิใจไทย หลังจากหมดโปรดีลอย่างที่ “ตู่-จตุพร” ประเมินว่า ถัดจากนี้ไปการขัดแย้งเชิงอำนาจยังไม่จบลง เพราะสว.ตั้งป้อมต่อสู้เอาคืนกับ “ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม แล้วยังจะลุกลามไปถึงการยื่นคำร้องให้ตรวจสอบนายกฯ

 

 

 

ผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ แสดงให้เห็นว่า อำนาจดีลเริ่มถดถอย การพบกันของ4ผู้มีอิทธิพลการเมืองที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ยังตกลงอำนาจทับเส้นกันไม่ได้ เพราะไม่ได้เล่นงาน สว.ข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจรส่วนศึกซักฟอกนายกฯ ประธานสภายังไม่บรรจุระเบียบวาระประชุมสภา นายก ยังมีอำนาจยุบสภาได้เหมือนเดิมแต่ถ้าบรรจุญัตติเป็นวาระประชุมสภาก็มีเพียงการตัดสินใจลาออกเท่านั้น สิ่งนี้เป็นข้อสังเกตน่าสนใจ แม้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย แต่อาจเป็นทางเลือกที่ใครคาดไม่ถึงก็ได้.

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube