หอการค้าฯเสนอ “ตั้งทีมพิเศษ” กำหนดยุทธศาสตร์การค้ากับสหรัฐฯ
หอการค้าฯ เสนอ “ตั้งทีมพิเศษ” ที่มีอำนาจสั่งการกระทรวง กำหนดยุทธศาสตร์การค้ากับสหรัฐฯ เชิงรุก
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้มีการหารือและส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลถึงการเตรียมความพร้อมมาตรการในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐ ขณะเดียวกันนโยบายการค้าเชิงรุกและมาตรการกีดกันสินค้านำเข้า จะทำให้หลายประเทศหันมาพึ่งพาตลาดใหม่โดยเฉพาะอาเซียนและไทยมากขึ้น
ซึ่งสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ อุตสาหกรรม อุปโภคบริโภคและสินค้าเกษตรจะได้รับผลกระทบ ดังนั้น เพื่อป้องกันผลกระทบดังกล่าว หอการค้าไทยจึงเสนอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการควบคุมและกวดขันการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่อาจไม่ได้คุณภาพ
โดยปัจจุบัน สหรัฐฯเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย และในปี 2561 และไทยเกินดุลการค้าอยู่ที่ 45,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีโอกาสที่อาจถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลสหรัฐในเรื่องของความไม่สมดุลทางการค้ามากขึ้น
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยคนที่ 1 กล่าวว่า หอการค้าไทยมีความเป็นห่วงต่อภาพรวมและตัวเลขการค้าไทย ซึ่งได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯสูง เพื่อป้องกันผลกระทบจากนโยบายสหรัฐฯโดยประเทศไทยควรพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาหารและพลังงาน เพื่อลดความกดดันด้านดุลการค้ารวมถึงพิจารณาปฏิรูปโครงสร้างภาษีนำเข้าของไทยกับสหรัฐให้มีจุดยืนที่เป็นธรรม ในการเจรจากับสหรัฐ
นอกจากนี้รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการเสียดุลการค้าภาคบริการที่ไทยเสียให้กับสหรัฐ เช่น บริการดิจิทัล ค่าบริหารจัดการลิขสิทธิ์ ภาคธนาคาร ภาคประกันภัย การศึกษา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนกว่าตัวเลขการค้าสินค้าเพียงอย่างเดียว
ซึ่งหอการค้าฯ ได้แจ้งต่อที่ทีมปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่าทุกวันนี้เราเสียเปรียบดุลบริการสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก ซึ่งทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ ต้องมีการศึกษา เพราะมั่นใจว่าสหรัฐได้เปรียบประเทศไทยมาก เป็นจุดที่ควรนำไปหารือร่วมกัน เพื่อลดผลกระทบต่อการค้าไทย
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย ได้ย้ำให้รัฐบาลตั้ง “ทีมพิเศษ” ที่มีอำนาจสั่งการกระทรวงสำคัญ เช่น มีกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลและกระทรวงแรงงาน ร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกกับสหรัฐการทำงานต้องครอบคลุมทั้งการป้องกันมาตรการภาษีที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงการใช้โอกาสจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งถือเป็นนโยบาย “กาลักน้ำ” ที่ประเทศหนึ่งได้อีกประเทศหนึ่งต้องเสีย
ดังนั้น ไทยต้องวางกลยุทธ์ให้เป็นฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการค้าโลกซึ่งอาจส่งผลบวกต่อ GDP ไทย 0.5-1%
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





