สนค. ชี้การค้าไม้ดอก ตลาดต่างประเทศ ยังมีโอกาส
สนค. ชี้การค้าไม้ตัดดอกของไทยในตลาดต่างประเทศ ยังมีโอกาส แนะผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าช่วย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าไม้ตัดดอกของโลก โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด marketsandmarkets ระบุว่า ตลาดไม้ตัดดอกของโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2565 ตลาดไม้ตัดดอกของโลกมีมูลค่า 36,400 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 45,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2570 ซึ่งมีการนำมาใช้มากในธุรกิจบริการ เช่น โรงแรมและร้านอาหาร ตลอดจนงานเทศกาล หรือในโอกาสสำคัญต่าง ๆ
สำหรับสถิติการค้าระหว่างประเทศในปี 2566 การส่งออกไม้ตัดดอกของโลก มีมูลค่า 10,520 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ โคลอมเบีย เอกวาดอร์ เคนยา และเอธิโอเปีย ขณะที่ไทยส่งออกเป็นอันดับที่ 12 ของโลก (ข้อมูลจาก Trademap.org)
โดยการค้าไม้ตัดดอกของไทย ในปี 2567 ไทยส่งออกไม้ตัดดอก 21,135 ตัน เป็นมูลค่า 71.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,503 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 2.5 จากปีก่อนหน้า โดยกล้วยไม้ เป็นสินค้าไม้ตัดดอกที่ไทยส่งออกมากที่สุด มีปริมาณ 19,129 ตัน คิดเป็นมูลค่า 62.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,181 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 1.4 จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกกล้วยไม้ที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน และอิตาลี
ทั้งนี้ ในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการส่งออกกล้วยไม้เป็นอันดับที่ 2 ของโลก มีสัดส่วนร้อยละ 33.4 ของมูลค่าการส่งออกกล้วยไม้ของโลก รองจากเนเธอร์แลนด์ ที่มีสัดส่วนร้อยละ 37.3 (ข้อมูลจาก Trademap.org)
สำหรับการผลิตไม้ดอกที่สำคัญของไทย ในปี 2566
– กล้วยไม้ มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 196,226 ไร่ ปริมาณผลผลิต 44,080 ตัน ปลูกมากในจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร และราชบุรี
– บัวหลวง มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 17,360 ไร่ ปริมาณผลผลิต 22,776 ตัน ปลูกมากในจังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี และอุบลราชธานี
– ดาวเรือง มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 3,722 ไร่ ปริมาณผลผลิต 2,844 ตัน ปลูกมากในจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา และจันทบุรี
– กุหลาบ มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 1,063 ไร่ ปริมาณผลผลิต 861 ตัน ปลูกมากในจังหวัดตาก เชียงใหม่ และเชียงราย
อย่างไรก็ตาม หลังสถานการณ์โควิด19 การส่งออกไม้ตัดดอกของไทยกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกล้วยไม้ที่สามารถครองตลาดทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถคว้าส่วนแบ่งตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าไม้ตัดดอกและกล้วยไม้ของไทย จึงควรสนับสนุนผู้ประกอบการให้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้
ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ใหม่ และการจัดการโลจิสติกส์ที่ควบคุมคุณภาพการขนส่งตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ควรผลักดันการสร้างชื่อเสียงและความต้องการใช้ดอกไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ได้แก่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสวนดอกไม้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนการใช้ดอกไม้ไทยในเทศกาลหรือกิจกรรมสำคัญระดับประเทศและโลก เพื่อสร้างโอกาสการส่งออกไม้ตัดดอกของไทย สร้างรายได้ให้เกษตรกรและนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





