“ประเสริฐ” ย้ำ รัฐบาล พร้อมหนุนแก้ปัญหาเอกชน สร้างเชื่อมั่น
“ประเสริฐ” ย้ำ รัฐบาล พร้อมสนับสนุนแก้ไขปัญหาภาคเอกชน สร้างความเชื่อมั่น แข่งขันต่างชาติได้
ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ที่ จังหวัดชลบุรี นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับธุรกิจของไทย” ว่า การร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลและกระทรวงดิจิทัลฯ จะได้มีโอกาสถ่ายทอดถึงโลกในอนาคตและสิ่งที่รัฐบาลจะทำ ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังที่จะเป็นอาเซียนดิจิทัล วันนี้ถือเป็นการระดมมันสมองครั้งใหญ่เพื่อให้ประเทศได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า
โดยรัฐบาลได้มีการนำเสนอของภาคเอกชนไปปรับใช้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น การจ่ายเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง คำแนะนำของภาคเอกชนสามารถทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้ตรงจุด ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน จึงต้องขอบคุณหอการค้าไทยในการให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
โลกในยุคปัจจุบันความท้าทายที่เกิดขึ้น เป็นความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญและเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นผู้ประกอบการหลักของประเทศสามารถรองรับแรงงานได้ไม่น้อยกว่า 35% ตอนนี้กำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง ยังไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ การรับมือสินค้าจากต่างประเทศ
จำหน่ายในราคาต่ำกว่าราคาของไทยเป็นอย่างมาก ความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง สงครามการสู้รบอาจลดลงแต่สงครามการค้าอาจเพิ่มขึ้น รัฐบาลมีนโยบายในการให้ความช่วยเหลืออย่างชัดเจน โดยนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้กำกับดูแลการจดทะเบียนของผู้ประกอบการจากต่างประเทศและให้ดีมาตรฐานของอุตสาหกรรม
การสร้างรายได้ใหม่จากเศรษฐกิจนอกระบบให้นำเข้ามาสู่ในระบบ รวมถึงปัญหายาเสพติดและปัญหาแก๊ง Call Center ซึ่งสร้างความสูญเสียให้กับระบบเศรษฐกิจ กระทรวงได้มีการจัดตั้งศูนย์ AOC 1441 ขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้โดยตรงการดำเนินงานถือว่าประสบความสำเร็จไปส่วนหนึ่ง ลดมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจลงได้ จาก 107 ล้านบาทต่อวันเหลือ 60 ล้านบาทต่อวัน หรือ ลดลง 40% แต่ก็ยังถือว่าไม่น่าพอใจ
การขับเคลื่อนประเทศหลังจากนี้จะต้องใช้ดิจิทัลเป็นหลัก โดยมีกุญแจแห่งความสำเร็จ 3 เรื่อง คือ 1) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างข้อได้เปรียบให้กับผู้ประกอบการไทยและคนไทยในการที่จะสามารถแข่งขันกับต่างชาติ โดยรัฐบาลได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตต่างๆ
2) การสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางด้านไซเบอร์ หากมีความมั่นคงปลอดภัยคนต่างประเทศก็พร้อมที่จะเข้ามาลงทุน การเก็บรักษาข้อมูลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมั่นคง 3) การสร้างกำลังพลด้านดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่แพ้กัน วันนี้ภาคธุรกิจกำลังขาดคนด้านดิจิทัลเป็นอย่างสูง เชื่อว่าจะมีการพูดถึงกันในงานสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้การผลิตคนด้านดิจิทัลเพียงพอกับความต้องการ ซึ่งรัฐบาลก็มีความพยายามที่จะสร้างแรงจูงใจให้มีการผลิตคนด้านดิจิทัลให้มากขึ้น โดยกุญแจทั้ง 3 ดอกจะเป็นการสนับสนุนการพัฒนาความสามารถของผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งสิ้น
โดยความท้าทายในอนาคต เรื่องแรกคือ AI วันนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีส่วนอย่างยิ่งในภาคธุรกิจ ซึ่งต้องปรับตัวให้ทัน เรื่องที่ 2 คือการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป จากในอดีตที่ผลิตเชิงปริมาณ เมื่อโลกเปลี่ยนไปต้องผลิตสินค้าในเชิงคุณภาพ ใช้สินค้าที่มีการบวกมูลค่าเพิ่มและความรู้ลงไปในสินค้า และปัจจุบันต้องบวกเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปด้วยถึงจะทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ความท้าทายเรื่องที่ 3 คือการใช้ประโยชน์จาก Big Data จะทำให้ประสิทธิภาพในการขายสินค้าเพิ่มขึ้น
และจะเริ่มมีบทบาทในการบริหารธุรกิจมากยิ่งขึ้น เรื่องที่ 4 คือความท้าทายของ startup ไทย ที่ยังมีน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกัน และสุดท้ายของความท้าทาย คือเรื่องเมืองน่าอยู่ (Smart City) ที่จะต้องยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และภายในปี 2568 นี้จะเห็นการขับเคลื่อนของรัฐบาลในหลายพื้นที่
สุดท้ายความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การสัมมนาในครั้งนี้ การรวบรวมเสนอข้อเสนอแนะต่างๆของภาคเอกชน เสนอต่อรัฐบาลผ่าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่า รัฐบาลจะเก็บเอาข้อเสนอแนะต่างๆมาจัดทำตามลำดับความสำคัญ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





