Home
|
ข่าว

กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯห่วงเข้ากลุ่ม BRICS สร้างผลร้ายต่อประเทศ

Featured Image
กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ ชี้เข้ากลุ่ม BRICS อาจไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศ อาจทำไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศที่อาจไม่เป็นกลาง สร้างผลร้ายต่อประเทศไทยได้

 

 

 

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าวการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์ รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย กรณีที่ไทยเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และไม่ลงนามในการแถลงการร่วมหลังการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครน ณ สมาพันธรัฐสวิส

 

 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การพูดคุยร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจนเท่าไหร่ ได้คำตอบว่า ประเทศไทยส่วนมากมักจะเข้าร่วมกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มบริกส์ไม่มีความชัดเจนในมิติทางเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องความมุ่งหมายทางการเมืองค่อนข้างชัดเจนกว่า อาจทำให้ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายทางการต่างประเทศ ที่อาจไม่เป็นกลาง และอาจสร้างผลร้ายต่อประเทศไทยได้

 

 

หนึ่งในประเด็นที่มีการชี้แจงใน กมธ. คือ กลุ่มบริกส์ให้ความสำคัญเรื่อง Local Currency ซึ่งอาจเป็นเงินสกุลตราหยวนในบั้นปลาย การเข้าร่วมกลุ่มบริกส์อาจไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเท่าไหร่ เนื่องจากประเทศที่มีความสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ก่อตั้งกลุ่มบริกส์มีวาระของตัวเอง โจทย์ของประเทศไทยคือจะแก้ปัญหาการขาดทุนทางการค้าได้อย่างไร หากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจมีปัญหาความมั่นคง ระหว่างประเทศตามมา โดยเฉพาะช่วง ก.ย. – ต.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสำคัญที่สหพันธรัฐรัสเซีย

 

 

 

ส่วนเรื่องการไม่ลงนามในการแถลงการร่วมหลังการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครน ณ สมาพันธรัฐสวิสเบื้องต้น ได้รับแจ้งว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลงนามเลย เพียงแต่อาจจะต้องผ่านการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีหาก กมธ.มีความประสงค์ที่อยากให้ไทยร่วมลงนามก็สามารถแสดงความคิดเห็นถึงกระทรวงการต่างประเทศได้ ทั้งนี้ ยังไม่เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทย จึงมีการหารือว่าต้องมีการสนับสนุนให้มีการร่วมลงนาม ในแถลงการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การสร้างสันติภาพยูเครนต่อไป

 

ขณะเดียวกัน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เดินทางไปดูงานที่ประเทศโปแลนด์ พบว่า มีข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับมือผู้ลี้ภัยชาวยูเครนกว่า 20 ล้านคน ซึ่งสามารถทำทะเบียนประวัติ และสร้างระบบ การตรวจพิสูจน์บุคคลขึ้นมา เพื่อให้การเข้าออกประเทศทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้สิทธิในหลายเรื่อง ทั้งการศึกษา การทำงาน เป็นสิ่งที่นำมาใช้เรียนรู้ได้

 

 

นอกจากนี้ เรื่องการเสริมสร้างการใช้เทคโนโลยี อย่างเสาที่สามารถใช้ AI ระบุว่าสิ่งที่ผ่านเซ็นเซอร์ของเสานี้คืออะไร ไม่ว่าจะสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิต เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำโขงที่มีการขนส่งยาเสพติดจำนวนมาก เหมาะสมที่จะเสริมสร้างเทคโนโลยีนี้เข้าไป รวมถึงมีหน่วยงาน Polish Border Guard เป็นองค์กรเฉพาะในการตรวจสอบชายแดน และยังทำหน้าที่แทน ตม.สนามบินอีกด้วย

 

 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกันใน กมธ. และได้ข้อสรุปว่า จะกระทำตามนี้

1. ตั้งอนุศึกษา (Border Control) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะจัดตั้งหน่วยงานดูแลชายแดนเป็นการเฉพาะ รวมถึงบริเวณสนามบินต่าง ๆ

2. ตั้งคณะทำงานเรื่องการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแนวชายแดน ซึ่งนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ จะเป็นประธานคณะทำงานในการศึกษาครั้งนี้

3. มีข้อเสนอการศึกษาที่ดินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นปัญหาต่อการขยับขยาย การเพิ่มประสิทธิภาพของแนวชายแดนประเทศไทย

 

 

อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ตั้งคณะทำงาน และจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่… พ.ศ. … และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่… พ.ศ. … ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในเรื่องการสอบสวน จะมีการจัดสัมมนาในวันที่ 30 ก.ค.ต่อไป และจะลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ระยอง และตราด ในวันที่ 17-19 ส.ค. เพื่อดูประเด็นชายแดน เส้นเขตแดน และสิ่งแวดล้อม ที่เจอความท้าทายอย่างมาก แต่ยังไม่มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

 

 

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ จะหารือในประเด็นพบข้อมูลธนาคาร 5 แห่งเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจัดซื้อออาวุธของรัฐบาลทหารเมียนมา โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง มาชี้แจงสัปดาห์หน้า เช่น ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย และตัวแทนธนาคารใหญ่ 5 แห่ง หากเป็นเรื่องจริงจะส่งผลกระทบต่อไทยที่อาจถูกมองว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในเมียนมา

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube