Home
|
ข่าว

นายกฯบอก10เดือนจับยาเสพติดเพิ่ม 4 เท่าแต่ไม่หมด

Featured Image

 

 

นายกฯ มอบนโยบาย การบูรณาการแก้ปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน บอก10 เดือนเข้ามาทำงานจับยาเพิ่ม 4 เท่าแต่ไม่หมด ยก “ท่าวังผา-ธวัชบุรี”เป็นโมเดลจังหวัดสีขาว ขยายพื้นที่อื่น มอบ ผู้ว่าฯ นั่งซีอีโอแก้ให้เห็นเป็นรูปธรรมใน90 วัน

 

 

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานกล่าวมอบนโยบายการบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมอบนโยบาย อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมราชทัณฑ์ และนักศึกษาปี 1 จำนวน 4,014 คน ซึ่งถือเป็นการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ไปในตัว

 

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากการลงพื้นที่ของตนที่ผ่านมา พบว่า นอกจากปัญหาปากท้องคือปัญหายาเสพติด มีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งราคายาบ้าถูกลงทุกวัน แม้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับปรุงดำเนินคดี เกี่ยวกับผู้ค้า ตัดซัพพลายเชนและจับยาบ้าได้มากกว่าเดิม 4 เท่า แต่การใช้ยาก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง การที่ราคายาบ้าคงที่แสดงให้เห็นว่ายังมีปริมาณความต้องการอยู่

 

ซึ่งการที่มาอยู่ร่วมกันในวันนี้เป็นการปฐมนิเทศ ถือเป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาใหม่อีกช่วงเวลาในชีวิต ตั้งแต่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษามา มาเข้าศึกษาในสถาบันอันมีเกียรติ เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ได้มาเริ่มต้นชีวิต และในอีก 4 ปีข้างหน้า จะไปประกอบอาชีพที่มั่นคง นำรายได้มาสู่ครอบครัว

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวย้ำอีกว่า ตนตั้งแต่เขารับตำแหน่ง 10 เดือนที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระเร่ง และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าแม้จะมีการจับกุมดำเนินคดีได้มาก แต่ปัญหาก็ไม่หมดสักที ซึ่งในช่วงสัปดาห์ ที่ผ่านมาตนก็มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งมีความเปราะบางมีพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้ายาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจำเป็นต้องทำงานบูรณาการกันหลายๆภาคส่วน

 

และจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาชน เอกชน บูรณาการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างจริงจังและเด็ด ขาดโดยต้องเป็นรูปธรรมใน 90 วัน

 

พร้อมกับให้เงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่ทำตามเป้าหมาย โดยมีการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัด โดยจังหวัดนำร่องคือจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดน่าน ซึ่งต้องเป็นพื้นที่สีขาว ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้

 

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าปฏิเสธไม่ได้ว่ายาเสพติดเป็นต้นตอของความสูญเสีย หลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียโอกาส สูญเสียอนาคต และสูญเสียชีวิต จึงขอให้หน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการปราบปรามยาเสพติด ช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ยาเสพติดนั้นหมดไป พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำโครงการขจัดปัญหายาเสพ ที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และที่อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด มาเป็นต้นแบบ

 

โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็น CEO ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับผู้กำกับการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและทุกหน่วยงานที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนงาน ในการปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน

 

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการตัดวงจรยาเสพติด รายสำคัญปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่การแพร่ระบาด ขอให้ระดมกำลังตรวจปัสสาวะผู้มีกลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ทุกหมู่บ้าน และแยกผู้เสพออกมาเพื่อให้ได้รับ การบำบัด โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงยุติธรรม ป.ป.ส.และกระทรวงกลาโหมจับกุมผู้ขาย และดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพื่อเป็นการตัด supply chain ออกไปจากระบบ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการสมทบและสนับสนุน อายัดทรัพย์สินในคดียาเสพติด ดำเนินการปราบปรามเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญกับการดำเนินการขอร้องเรียนของประชาชนอย่างเร่งด่วน

 

โดยขอให้การทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับปปส. และกระทรวงกลาโหม ลดความรุนแรงของยาเสพติด และความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหา ผู้ที่มีอาการป่วยทางจิตจากยาเสพติดโดยกำหนดให้เป็นปัญหาเร่งด่วนของทุกจังหวัดและให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยร่วมกันค้นหาของผู้ที่มีอาการทางจิตเวช ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรมนำมาบำบัดรักษา ติดตามดูแลเฝ้าระวังหลังการรักษา รวมไปถึงให้การศึกษาฝึกฝนอาชีพแก่ผู้ที่ได้รับการบำบัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการปรับวงจรไม่ให้กลับเข้าสู่การเสพยาเสพติดอีกครั้ง

 

นอกจากนี้ยังสั่งการควบคุมปัจจัยเสี่ยงจัดระเบียบสังคม สถานบันเทิงสถานบริการ และสถานประกอบการ คล้ายสถานบันเทิง บริเวณโดยรอบสถานศึกษาให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งในการแพร่ระบาดของยาเสพติด เสริมสร้างปลุกพลังประชาชน ให้ตื่นตัวในการแก้ไขปัญหา สร้างมาตรฐานในชุมชน และมาตรฐานทางสังคม ทั้งในบทบาทการป้องกันเฝ้าระวังและติดตามการทำงาน ช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษา รวมไปถึงปลูกฝังเยาวชนผ่านการศึกษาให้เข้าใจเหตุผลเสียของยาเสพติด

 

การแก้ไขปัญหายาเสพติด จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยทุกภาคส่วน ทั้งจังหวัดตำรวจ ทหารสาธารณสุข ป.ป.ส. รวมไปถึงประชาชนร่วมกันลุกขึ้นมาสู้กับปัญหายาเสพติด เป็นหูเป็นตาช่วยกันสอดส่องแจ้งเบาะแสเฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้ลูกหลานเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และหวังว่าจะเห็นปัญหายาเสพติดลดความรุนแรงลง ตามเป้าหมายที่กำหนด ให้ประชาชนมีความรู้สึกปลอดภัยถือเป็นเจตนารมณ์สูงสุดของรัฐบาล และของคนไทยทุกคน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รวมถ่ายรูปกับนักศึกษาใหม่ที่บริเวณอัศจรรย์ด้านข้างก่อนที่จะเดินทางกลับ

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube