Home
|
ข่าว

กมธ.อุตฯแถลงติดตามขนกากแคดเมียม พรุ่งนี้ แล้วเสร็จ

Featured Image
กมธ.อุตฯแถลงคืบหน้าติดตามขนกากแคดเมียม พรุ่งนี้ แล้วเสร็จตามแผน ปปช.สอบเจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ต่อเอกชน

 

 

นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าติดตามการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมในพื้นที่ต่างๆ กลับสู่จังหวัดตาก ภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ขณะนี้มีการขนย้ายไปแล้ว 14% หรือ 1,806 ตัน

 

แม้ในช่วงแรกจะมีการขนย้ายทั้งแบบพื้นเรียบ ใช้ดับเบิ้ลแบ็ค ร่วมกับการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ในการขนย้าย 100% แล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.เป็นต้นมา ขอให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ และตามแผนจะขนย้ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 พ.ค.นี้

 

นายอัครเดช กล่าวถึงการปรับปรุงบ่อว่า จะต้องมีการเทคอนกรีตใหม่ทั้งหมด ซึ่งผู้ประกอบการกำลังเร่งดำเนินการ ส่วนการตรวจสอบความปลอดภัยนั้น อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้แจ้งว่า ต้องให้บริษัทที่ปรึกษาการก่อสร้าง เข้ามาทำการตรวจสอบให้มีความแข็งแรงตามมาตรฐาน EIA ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายจากอาคารพักคอยมาสู่ที่ฝังกลบ

 

สำหรับการคืนพื้นที่ จากสถานที่ที่มีการพบสารทั้ง 3 พื้นที่นั้น สามารถคืนพื้นที่ในกรุงเทพมหานครได้แล้ว โดยกรมควบคุมมลพิษและกรมควบคุมโรค ได้ลงไปตรวจสอบ และได้รับคำชี้แจงโดยยืนยันว่า ได้มีการตรวจสอบสารตกค้างต่างๆ ตามมาตรฐานแล้วว่า ปลอดจากโลหะหนักอันตราย หรือสารแคลเซียมอย่างปลอดภัย จึงให้มีการส่งคืนพื้นที่แล้ว และขอให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในเขตบางซื่อ มีความอุ่นใจว่า ความปลอดภัยกลับมาสู่ภาวะปกติ 100% แล้ว

 

นายอัครเดช กล่าวถึงการดำเนินคดีว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีการดำเนินคดีตามฐานความผิดอาญากับผู้ประกอบการไปแล้วทั้งหมด 4 ฐานความผิด คือ
1.การนำสิ่งปฏิกูลหรือวัตถุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน
2.แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
3.มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาตของผู้ครอบครอง ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย
4.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

 

สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข และ พ.ร.บ.ส่งเสริมการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ นั้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษได้ชี้แจงว่า กฎหมายทั้ง 2 ดังกล่าว ไม่สามารถดำเนินงานกับผู้ประกอบการได้

 

ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ชี้แจงว่า มีความคืบหน้าในการรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้ว 70-80% แต่สำนวนในส่วนนี้ ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนจะมีความผิดอย่างไรนั้น เจ้าหน้าที่ขอรวบรวมให้เรียบร้อยก่อน

 

โดย ป.ป.ช.ได้มีมติรับเรื่องดังกล่าว มาสอบสวนหาผู้กระทำผิด กรณีเจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน ทำให้มีผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและต่อประชาชน ซึ่งเป็นมูลฐานความผิดตามมาตรา 48 และ 49 ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า จะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดอย่างเต็มที่

 

นายอัครเดช ยังกล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้ที่ อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการนำกากของเสียในที่เกิดเหตุออก โดยจะดำเนินการเคลียร์ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งก็ได้มีการชี้แจงแผนและรายละเอียดในการดำเนินการ เพื่อแจ้งต่อพี่น้องประชาชนทราบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีงบประมาณในการดำเนินการ 6.9 ล้านบาท และออกหมายจับกับผู้ที่มาเช่าโกดังที่เกิดเหตุเพลิงไหม้แล้ว

 

ทั้งนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรม จะมีการเฝ้าระวังโกดังเก็บกากของเสียที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับในอำเภอภาชี แต่มีกากของเสียมากกว่า และเน้นย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำรอย เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกันของผู้ประกอบการทั้ง 3 ที่ ทั้งเรื่องรถบรรทุก และหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วม และเมื่อครบ 120 วัน ทาง กมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงอีกครั้ง

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube