โฆษกรัฐบาล เผย รัฐบาล เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการท่องเที่ยว ตั้งเป้าปี 67 สร้างเม็ดเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ดึงนักท่องเทียวให้ได้ 40 ล้านคน มอบหมายกระทรวงมหาดไทยดำเนินนโยบายเว้นการลงตราวีซ่าชั่วคราวสำหรับประเทศจีน และคาซักสถาน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม. ว่า นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำเนินนโยบายเว้นการลงตราวีซ่าชั่วคราวสำหรับประเทศจีน และคาซักสถาน รวมถึงการผ่อนปรนเงื่อนไข และขั้นตอนการเข้าประเทศสำหรับการจัดแสดงสินค้า และนิทรรศการ โดยให้มีผลบังคับใช้ภายใน 25 กันยายน 2566 เพื่อช่วยสร้างรายได้ และสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ มาตรการควิกวิน การสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นเครื่องจักรตัวเดียวที่ยังสามารถเดินหน้าได้ ซึ่งเมื่อปี 2562 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท โดยมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.93 ล้านล้านบาท และในปีนี้ เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาแล้วราว 15 ล้าน และจะทำอย่างไรในโอกาสอีก 3 เดือน ที่กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นสร้างรายได้เข้าประเทศ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่ และที่ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ก่อนมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่อย่างไรก็ตามเป้าหมายใหญ่ คือปี 2567 จะต้องทำรายได้ทะลุ 3.1 ล้านล้าน
เน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ 40 ล้านคน โดยมีมาตรการเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ วีซ่าฟรี ให้จีน และคาซัคสถาน เพื่ออำนวยความสะดวก และจะดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องจะต้องไปกำหนดแผนดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
รวมถึงมีแผนทำภาพยนตร์ โฆษณา โดยดึงเอาอินฟลูเอนเซอร์ ดารา ศิลปิน นักร้อง เป็นต้น เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างความมั่นใจ ตลอดจนการสร้างสัมพันธ์ดีกับนานาประเทศ ตลอดจนการเพิ่มเที่ยวบิน โดยเฉพาะบินไปเมืองรองที่มีศักยภาพ พัฒนาสินค้าบริการด้านการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการรีสตาร์ทครั้งใหญ่ เพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
