fbpx
Home
|
ข่าว

“เศรษฐา” กวาดเสียงสส.-สว.เกินกึ่งหนึ่ง สู่เวทีการเมืองไม่ถึงปีได้นั่งนายกฯคนที่30

Featured Image
รัฐสภา เทคะแนนหนุน”เศรษฐา” นั่งนายกฯ เกินกึ่งหนึ่งแล้ว หลังขานชื่อไป 614 คน ได้ 375 คะแนน เป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ทันที

 

 

 

 

การประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดนนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้การรับรอง 287 คน โดยไม่มีผู้เสนอชื่อคนอื่นเพิ่มเติม

 

 

 

 

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้เปิดให้สมาชิกได้อภิปรายคุณสมบัติของนายเศรษฐา จนเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 15.10 น. และได้เปิดให้สมาชิกลงมติว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ด้วยวิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยการขานชื่อสมาชิกเป็นรายบุคคลตามลำดับตัวอักษรเพื่อให้ออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งมีสมาชิกแสดงตน ลงมติทั้งหมด 705 คน

 

 

 

ทั้งนี้ผลการลงมติล่าสุด เมื่อขานชื่อถึงสมาชิกลำดับที่ 614 ปรากฏนายเศรษฐา ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนน 375 คะแนน ถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่ 747 คน ทำให้นายเศรษฐา ได้เป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ทันที หลังจากนั้นไม่นาน มีสมาชิกรัฐสภา จากพรรคก้าวไกล เป็นลมหมดสติ จนต้องมีการปฐาพยาบาล และทำให้การลงมติหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง

 

 

 

“เศรษฐา” นักธุรกิจ คนแรกที่ก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองไม่ถึงปี ประสบความสำเร็จ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังมติรัฐสภา เห็นชอบให้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกลายเป็นนักธุรกิจคนแรก ที่ออกจากแวดวงธุรกิจ
มาสู่นักการเมืองในทันที โดยใช้เวลาไม่ถึงปี และไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน ก็ประสบความสำเร็จถึงตำแหน่งนายกฯทันที

 

 

 

 

สำหรับประวัติของ เศรษฐา ทวีสิน เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2506 เป็นบุตรชายของ ร.อ.อำนวย ทวีสิน และ ชดช้อย จูตระกูล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการเงินจาก มหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ (Claremont Graduate University) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แล้วเข้าทำงานกับบริษัท P&G (ประเทศไทย) เป็นเวลา 4 ปี ก่อนเข้าสู่แวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการทำงานในบริษัทแสนสำราญ ของ อภิชาติ จูตระกูล ลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น “แสนสิริ” และเติบโตกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาฯ มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

สำหรับเวทีการเมือง นายเศรษฐา เพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในเดือน พ.ย. 2565 และได้รับความไว้วางใจให้เป็น 1 ใน 3 ตัวแทนของพรรคสำหรับชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยต้องเตรียมตัวด้วยการ ลาออกจากการเป็นผู้บริหาร บ.แสนสิริ และโอนหุ้นที่มีอยู่ให้กับบุตรสาว พร้อมกับร่วมกับแกนนำพรรคคนอื่นๆ เดินสายลงพื้นที่หาเสียงเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในวันที่ 14 พ.ค. 2566

 

 

ทั้งนี้ ในช่วง รัฐประหาร ในนามคณะรักษาความแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2557 นายเศรษฐา ยังมีรายชื่อปรากฎในคำสั่ง คสช. ที่ 14/2557 วันที่ 25 พ.ค. 2557 เรียกบุคคลในแวดวงต่างๆ ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ ฯลฯ ไปรายงานตัว นอกจากนี้ ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในปี พศ.2563 นายเศรษฐา ได้เสนอแนะให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท อย่างมีประสิทธิภาพและมองเป็นโอกาสในการปรับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube