fbpx
Home
|
ข่าว

“มณเฑียร” ยันยกมือโหวตให้เหมือนเดิมตามเสียงข้างมาก

Featured Image
“มณเฑียร” ยันยกมือโหวตให้เหมือนเดิมตามเสียงข้างมาก ชี้ ประเทศอยู่ในสภาวะประชาธิปไตยปกติแล้ว ไม่ใช่ต่อจากยุคยึดอำนาจ ย้ำความรู้สึกนึกคิด ไม่สามารถหักล้างหลักการได้ รับแม้โหวตให้ แต่อยากให้แคนดิเดตมาตอบข้อซักถามด้วย

 

 

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภากล่าวอภิปรายว่า ตนจะยกมือโหวตให้แบบเดียวกับวันที่ 13 ก.ค. เพราะระบบการปกครองประเทศไทยเป็นระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเกิดจากการรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่กรณีที่เราอยู่ในห้วงเวลาพิเศษนี้ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาทำหน้าที่ร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อลงมติเห็นชอบ เพราะฉะนั้นแเราก็จำเป็นต้องทำหน้าที่

 

เพียงแต่ตนเห็นแล้วว่า การทำหน้าที่ในครั้งนี้เป็นการทำหน้าที่ในสถานการณ์การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยที่ปกติแล้ว เราไม่ได้อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลรักษาการหลังการยึดอำนาจไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เราอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งชุดหนึ่งไปยังอีกชุหนึ่ง

 

ดังนั้น จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ สว.จะทำหน้าที่วินิจฉัยผิดแผกแตกต่างไปจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นหลักการเดิมที่ตนใช้

 

นายมณเฑียร ระบุว่า ไม่ค่อยสบายใจต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นข้อกล่าวหาต่างๆ นานา การเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนฝ่าย สลายขั้วจริงๆ โดยหลักการก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เสียหายอะไร เพราะในระบบรัฐสภาในประเทศไหนก็มีการจับคู่ เปลี่ยนขั้ว สลายขั้ว ระหว่างซ้ายกับขวา กลางกับขวา กลางกับซ้ายอยู่ตลอดเวลา

 

ประชาชนมีความคาดหวังสูงว่าพรรคการเมืองที่จับกลุ่มกัน ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง มาจนถึงการเลือกตั้งเสร็จ ก็ถูกเข้าใจแล้วว่า ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ อุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกันไปแล้ว

 

 

เมื่อสะดุดหยุดลงถึงขั้นต้องมีการเปลี่ยน ก็ต้องทำให้เกิดความผิดหวังเป็นธรรมดา แต่แม้จะมีความไม่สบายใจขนาดไหนก็ตาม และแม้จะมีข้อกล่าวหาใดๆ ต่อบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อในขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่อาจลบล้างหลักการได้ว่า สมาชิกวุฒิสภาในสถานการณ์การเมืองที่เป็นปกติเหมือนเช่นปัจจุบันนี้ ไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะใช้ความไม่สบายใจ หรือความรู้สึกนึกคิดหรือความเข้าใจต่อพรรคการเมืองต่อจุดยืนทางการเมืองของพรรคเหล่านั้น หรือต่อทัศนะที่มีต่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อแต่ประการใด

 

ทั้งนี้ แม้ว่าตนจะได้ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนในวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นการปรับปรุงโครงสร้าง การบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าเป็นความเห็นโดยสุจริตและตนทำหน้าที่ของประชาชนไปแล้ว

 

ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ตนไม่ได้เลือกพรรคใดเลยที่ร่วมกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ แต่ความรู้สึกนึกคิดไม่อาจลบล้างหลักการได้ว่าในสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นปกติ ไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาที่จะไปวินิจฉัยว่าใครสมควรเป็นนายกรัฐมนตรี

 

“แม้ว่าก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว แต่ก็เหมือนกับสมาชิกหลายคน พี่น้องประชาชน ที่ใครอยากจะรับฟังคำชี้แจงการแสดงจุดยืนบางประการของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ หรือตัวแทนผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขหรือปรับปรุงยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

 

นายมณเฑียร ย้ำว่า ในสภาวะที่สังคมไทยไม่มีฉันทามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เรื่องนี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง แต่ตนก็พร้อมที่จะยกมือให้ และยกมือให้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ว่าจะเป็นแก้รัฐธรรมนูญ 272 ตัดอำนาจ สว. เลือกนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ ตนก็ยกมือให้มาโดยตลอด แต่ตนก็อยากจะฟังคำชี้แจงว่า จะใช้ศิลปะ ใช้เทคนิควิธีการใด ที่จะเสนอให้มีการลงประชามติ อันจะนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยปราศจากความขัดแย้ง พาสังคมไทยไปสู่สังคมที่มีสันติสุข มีสันติภาพ มีความสร้างสรรค์ต่อไป

 

สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล ตนไม่แน่ใจว่าเงินที่ได้มาเป็นเงินตราที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ มันเป็นเวอร์ชั่นดิจิทัลของเงินบาทที่มีอยู่แล้วหรือเป็นเงินดิจิทัลโดยกำเนิด ถ้ามันเป็นดิจิทัลโดยกำเนิด ถ้าจะใช้ จะใช้บล็อกเชนในการเก็บรักษา จะกำกับควบคุมการใช้เงินอย่างไร เพราะย้อนแย้งกฎระเบียบ

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

 

 

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube