fbpx
Home
|
ข่าว

นายกฯดันผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเป็น Soft Power สร้างเงิน

Featured Image
นายกฯ หนุนโครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยนำภูมิปัญญาไทยต่อยอด ผลักดันเป็น Soft Power เพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่น

 

 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งเสริมโครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เชื่อมั่นความพร้อมส่งออกสินค้า CPOT ผลักดันเป็น Soft Power สู่ตลาดต่างประเทศ เพิ่มรายได้พัฒนาท้องถิ่น

 

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมมือกับภาคเอกชน ร่วมกันสนับสนุนโครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย นำมาต่อยอด สร้างสรรค์ ยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเหล่านี้ ด้านการออกแบบ ประโยชน์ใช้สอย ขยายช่องทางการตลาดให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการยื่นคำขอจดลิขสิทธิ์ การขยายช่องทางการจำหน่าย ด้วยการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์ รวมถึงการสร้างเครือข่ายทางการค้าเพิ่มเติม

 

โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้เสริมความรู้ เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ CPOT สนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย โดยผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 มี 20 สุดยอดชุมชนต้นแบบเที่ยวชุมชน ยลวิถี จาก 19 จังหวัดที่ผ่านคัดเลือกจำนวน 40 ผลิตภัณฑ์ เข้าร่วมเพื่อนำไปต่อยอดให้เกิดการยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ซึ่งมีศักยภาพในตลาดอย่างมาก เป็นการผสมผสานจุดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ของสินค้า ประกอบกับ นวัตกรรม การออกแบบ การใช้ประโยชน์ที่สร้างสรรค์ ถือเป็นความสำเร็จที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่า เมื่อสินค้าทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าได้รับการต่อยอดทางการตลาดแล้วนั้น จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ท้องถิ่นได้มหาศาล

 

 

นอกจากนี้กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังทราบผลการจัดอันดับ The World’s 50 Best Restaurants 2023 (50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก ปี 2566) งานประกาศรางวัลร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีร้านอาหารไทยติดอันดับ 2 ร้าน และ มีร้านอาหารไทยติดอันดับที่ 51 – 100 อีกถึง 4 ร้าน

 

โดย 50 Best องค์กรผู้จัดอันดับร้านอาหารยอดเยี่ยมของโลก The World’s 50 Best Restaurants ได้ประกาศผลการจัดอันดับร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก 50 แห่ง ในงานประกาศรางวัล World’s 50 Best Restaurants 2023 และเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ theworlds50best.com โดยมีร้านอาหารในประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 50 ถึง 2 ร้าน ได้แก่ อันดับ 15 ร้าน Le Du และอันดับ 17 ร้าน Gaggan Anand โดยในปีนี้ร้าน Central เมือง Lima ประเทศเปรู เป็นร้านอาหารอันดับ 1 ที่ดีที่สุดในโลก

 

ซึ่งทางเว็บไซต์ได้มีการประกาศร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกอันดับ 51-100 ไป โดยมีร้านอาหารไทยติดอันดับ 4 ร้าน ได้แก่ อันดับ 56 ร้าน Sorn (ศรณ์) อันดับ 72 ร้าน S?hring อันดับ 74 ร้าน Nusara (นุสรา) และอันดับ 88 ร้าน Potong (โพทง) โดยเป็นการจัดอันดับจากการโหวตอย่างอิสระจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารกว่า 1,080 ราย ไม่ว่าจะเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ นักเขียนและนักวิจารณ์อาหาร ไปจนถึงนักชิมที่มีประสบการณ์ ซึ่งรายชื่อร้านอาหารทั้ง 100 อันดับครอบคลุมร้านอาหารใน 5 ทวีป

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีชื่นชมความตั้งใจ และความสามารถของทุกร้าน โดยยินดีที่ อาหาร 1 ใน Soft Power 5F ของไทย เป็นที่นิยม และได้รับความชื่นชมจากคนทั่วโลก อาหารไทยเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ได้รับความชื่นชม และการจัดอันดับอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาหารไทยกลมกล่อม เกิดจากการผสมผสานรสชาติอย่างลงตัว ใช้วัตถุดิบที่ทรงคุณค่า เป็นต้นทุนทางปัญญาและวัฒนธรรมของไทย ซึ่งด้วยความสมบูรณ์ของไทยทำให้ไทยมีศักยภาพในการเป็นครัวโลกที่มีคุณภาพ

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube