จากคำพูดของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่อนุมานว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” คงยินดีเข้าสู่การตรวจสอบ ก็สามารถตีความแบบง่ายๆ ว่า หลังจากนี้ จะมีการตามเช็คบิล “บิ๊กตู่” แน่นอน แต่จะทำได้แค่ไหน คงต้องรอติดตามกันต่อไป
เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และให้ห้วง 4 ปี ที่ “ก้าวไกล” และกลุ่มพรรคร่วมที่เป็นฝ่ายค้านเดิม ทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุล ก็มีการยื่น การส่งเรื่องต่อให้หน่วยงาน องค์กรตรวจสอบ ตามกระบวนการยุติธรรม อยู่เป็นประจำ แต่ก็เอาผิด “ลุงตู่” ไม่ได้เลย ทั้ง ถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน,ขาดคุณสมบัตินายกฯ,บ้านพักหลวง, ม.44 ขยายสัมปทานรถไฟฟ้า, วาระ 8 ปี
จึงน่าสนใจว่า ประเด็นที่ “พิธา”ส่งสัญญาณว่าจะตามเช็ดตามล้าง ให้เกิดวัฒนธรรมรับผิดรับชอบ ในเรื่องของการรัฐประหาร ใช้อำนาจม. 44 เรื่องเหมืองทอง,การทวงคืนผืนป่า การละเมิดสิทธิมนุษยชน จะสามารถดำเนินการได้อย่างไรบ้าง หรือจะมีโอกาสได้ดำเนินการหรือไม่ เพราะในเวลานี้ “พิธา” ยังโดนเล่นงาน โดนสกัดอย่างหนักหน่วง จากกลไกการเมือง ที่ถูกออกแบบไว้อย่างแยบยล และวางเป็นกับดักเอาไว้ในทุกขั้นตอน
แม้กระทั่ง เสนอ พรก.ยื้อกฏหมายอุ้มหายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน ก็ยังหน้าด้าน ไม่ต้องรับผิดชอบ โดยอ้างการเป็นรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถลาออกได้ จนภาคประชาชน ต้องร้อง ปปช.ให้จัดการ ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหนเพราะรู้ๆกันอยู่ ว่า ปปช. มีที่มาอย่างไร
จากสัญญาณ ที่สื่อออกมา แล้วย้อนกลับไปดูนโยบายหาเสียงของก้าวไกล พบว่าประเด็นรัฐประหาร มีการประกาศไว้อย่างชัดเจน จะลบล้างผลพวงรัฐประหาร 2557 จะยกเลิกบรรดาประกาศคำสั่งของ คสช. ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน ทำให้การนิรโทษกรรมการรัฐประหารเป็นโมฆะ ทำให้การรัฐประหาร ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 จะเอาคณะรัฐประหาร คือ คสช.มาดำเนินคดีฐานกบฏ หลังจาก 4 ปีที่ผ่านมา เคยพยายามเสนอเข้าสภามาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อปี 62 แต่ถูกคว่ำไป 244 ต่อ 5 เสียง
ดังนั้น หากจะทำใหม่ก็อาจต้องเสนอเป็นร่างกฏหมาย เข้าสภาอีกครั้ง หรือ อาจต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จ เพราะรัฐธรรมนูญ 60 แก้ยาก มีอุปสรรคหลายขั้นตอน ส่วนประเด็นสิทธิมนุษยชนแน่นอนว่า พรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุน นั้นรู้ดีอยู่แล้ว ว่าสามารถทำได้แค่ไหน ทำได้ผ่านช่องทางใดบ้าง เพราะช่วงที่ผ่านมา ประสบพบเจอมากับตัวเอง ถูกสลายการชุมนุมนับครั้งไม่ถ้วนแต่จะสามารถเอาผิดผู้นำรัฐบาลได้หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะส่วนใหญ่มักจะถูกตัดจบอยู่แค่ผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น โดยประเด็นที่น่าจะเช็คบิลได้ก็มีแค่ ม.44 ปิดเหมืองทองเท่านั้น เพราะก่อให้เกิดความเสียหาย รัฐบาลถูกฟ้องจากเอกชนต่างประเทศ ซึ่ง “ส.ส.น้ำ-จิราพร สินธุไพร” จากเพื่อไทย ตามจิกตามกัดมาตลอด แต่กว่าจะถึงเวลาเช็คบิล “พล.อ.ประยุทธ์” ก็ต้องลุ้นก่อนว่า “พิธา”ผู้ส่งสัญญาณ จะทวงหาความรับผิดชอบจาก คสช.นั้น จะมีโอกาสได้เข้าไปดำเนินการด้วยตนเองหรือไม่ เพราะยังมีอีกหลายด่าน ให้ต้องฝ่าฟัน เพื่อเข้าสภา และเข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐบาลจึงยังเดาไม่ออก ว่าใคร จะถูกเช็คบิลก่อนกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
