fbpx
Home
|
ข่าว

“สุพันธุ์” ชี้โครงสร้างค่าไฟบิดเบือนทำต้นทุนสูง

Featured Image
“สุพันธุ์” มองโครงสร้างค่าไฟบิดเบือนทำต้นให้ทุนสูง ด้าน กรณ์ เสนอรื้อใหม่ FT เอาเปรียบประชาชน

 

 

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุรี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เวลานี้มีกฎหมายที่จะอำนวยความสะดวกในการลงทุนแต่มีความล้าหลัง จึงต้องปรับทำให้ง่ายต่อการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมองว่าต้องแก้หนี้ให้ผู้ประกอบการที่ติดเครดิตบูโร จำเป็นต้องทำเพื่อให้ผู้ประกอบการในส่วนดังกล่าวซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตก่อนหน้านี้สามารถเดินหน้าธุรกิจได้อีกครั้ง และนโยบายประชานิยมต่างๆ มองว่าทำได้แต่ก็ต้องมีคนที่หารายได้มาชดเชยด้วย โดยภาคเอกชนกับรัฐต้องร่วมกันทำงาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทำได้เร็วขึ้น และสำหรับต้นทุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้ามองว่า โครงสร้างผิดเพี้ยน พรรคจึงมีนโยบายค่าไฟฟ้า 3.50 บาท และใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ไม่สร้างภาระให้ประชาชนจนเกินไป

 

 

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า การที่คณะกรรมการ กกพ. ประกาศค่า FT งวดเดือน พ.ค. – ส.ค. โดยค่าไฟภาคประชาชนปรับขึ้น ร้อยละ 1 ขณะที่ภาคธุรกิจปรับลดลง ร้อยละ 11 โดยให้อยู่ในอัตราเดียวกันที่ 4.77 บาท/หน่วย ภาคประชาชนถือว่าไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ และต้นทุนพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งแก๊สซึ่งเป็นต้นทุนหลัก โดยไทยยังจำเป็นต้องนำเข้าแก๊สจากต่างประเทศ เดิมนำเข้า 30 เหรียญ/ล้านบีทียู ปัจจุบันลดลงเหลือ 11 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียูแล้ว ตลอดจนค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องที่ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สินค้านำเข้าถูกลงตามไปด้วย

 

 

ดังนั้นการปรับขึ้นค่าไฟของภาคครัวเรือน ประกอบกับในช่วงหน้าร้อนที่มีการใช้ไฟเพิ่มขึ้น ในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. จึงเป็นจังหวะที่ไม่เหมาะสม ภาครัฐควรรื้นวิธีการคำนวณต้นทุนใหม่ ทั้งค่าไฟ น้ำมัน และค่าการกลั่น แม้การรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นด้วยกับการที่ค่าไฟภาคประชาชนปรับขึ้น แต่ยังมีประชาชนอีกไม่น้อยที่ยังเดือดร้อน และอยากให้ช่วยเหลือเรื่องนี้โดยด่วน

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube