fbpx
Home
|
ข่าว

“จุรินทร์” โต้ฝ่ายค้าน อัด”ประเสริฐ”โกหกกลางสภา

Featured Image
“จุรินทร์” ร่ายยาวโต้ฝ่ายค้าน ข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริง อัด “ประเสริฐ” โกหกกลางสภาแอบอ้างผลงาน

 

 

 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงภายหลังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยยืนยัน ข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริง และผู้อภิปรายโกหกกลางสภาฯ แอบอ้างผลงาน ว่า นำเรื่องไปยื่น ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. ไต่สวน 22 ราย มีความก้าวหน้าในคดี ป.ป.ช. ก็เป็นเรื่องโกหก ไม่จริง ป.ป.ช.ไต่สวนไม่ใช่เอาสำนวนของผู้อภิปรายไปไต่สวน

 

เพราะองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไปยื่นแจ้งให้สอบสวนคดีทุจริต และมีความคืบหน้าคาดว่า อาจจะมีมติชี้มูลเร็วๆ นี้ ที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน ในแง่ที่จะเป็นผู้ร่วมกระบวนการทุจริต เนื่องจากไม่เคยมีการเรียกตนไปชี้แจง หากเกี่ยวข้องจริง ต้องเรียกตนไปชี้แจง แต่ทันทีที่ทราบเรื่อง ได้เข้าไปบริหารจัดการ ก็มีความคืบหน้าเป็นลำดับ

 

ทั้งนี้ ภารกิจของ อคส. ในการทวงเงินคืน จากการกระทำการทุจริตที่ อคส. ต้องเป็นเจ้าของเรื่อง ไม่ได้มีแต่เรื่องถุงมือยาง อย่างน้อยเงิน 3 ก้อนใหญ่ ที่ต้องดำเนินการมีความคืบหน้าทั้งสิ้น 1.ทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย  2.เงิน 504,861 ล้านบาท ที่อคส.ต้องเรียกค่าเสียหายคืนจากการทุจริตจำนำข้าวสมัยพวกท่านเป็นรัฐบาล ยังไม่จบ

 

ทำไมไม่เห็นทวงว่าช้า เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนกระบวนการ ถ้าใครไปทำอะไรนอกกฎหมายกระบวนการลงโทษผิดขั้นตอนและเป็นช่องว่างให้คนที่กระทำการทุจริตเอ่ยอ้างและลอยนวลได้ในที่สุด 3.เงินทุจริตจำนำมันสำปะหลัง คู่แฝดทุจริตจำนำข้าวที่พวกท่านเป็นรัฐบาล ต้องไปทวงเงินคืนมาทั้งหมด 33,000 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม หลังอภิปราย มีเรื่องที่ตนเร่งรัดดำเนินการ คือ คดีแพ่งกับอาญา สั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในทุกเรื่อง ปปง.ทุกประการ และติดตามรายงานความคืบหน้าเป็นระยะและเร่งรัดการลงโทษทางวินัย ใครเกี่ยวข้องให้นำเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยมาชดใช้ค่าเสียหาย รวมถึงความคืบหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบวินัยเสร็จ ได้ชี้มูลความผิด 3 ราย มีมติให้ไล่ออกทั้ง 3 ราย  ผู้อำนวยการ อคส.ออกคำสั่งไล่ออกตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 64 จำนวน 2 ราย

 

ส่วนอดีตรักษาการผู้อำนวยการ บังเอิญว่า โดนคำสั่งย้ายไปสำนักนายกฯ จึงถามไปยังกฤษฎีกาเป็นการดำเนินการ กฤษฎีกาตอบว่า อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยเป็นหน้าที่ของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กระบวนการลงโทษถูกต้องตามกฎหมายไม่ถูกโต้แย้งวันหลังให้เป็นโมฆะ

 

โดยให้สามารถนำผลการสอบสวนของ อคส. ไปดำเนินการทางวินัย ให้ถือว่าเป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ ปลัดสำนักนายกฯต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยทำตามพระราชกฤษฎีกา ตอนนี้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีจบเรื่องวินัยและต้องติดตามต่อไป

 

ส่วนเรื่องละเมิด ติดตามทวงเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยคืนใครกระทำความผิดหรือเกี่ยวข้องต้องนำเงินมาชดใช้ เพราะเงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ต้องไล่เบี้ยจนมีผู้นำเงินมาชดใช้ ตามพระราชบัญญัติการรับผิดทางละเมิด ได้มีการแต่งตั้งโดยผู้อำนวยการ อคส. มีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ผลการสอบออกมาแล้วมีด้วยกัน 2 กลุ่ม

 

1.กลุ่มที่ตั้งสอบแล้วพบเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 2.กลุ่มที่กรรมการชี้ว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เจตนาทำให้รัฐเสียหาย มี 4 รายต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท รวม 1,603 ล้านบาท 4 ราย 3 รายแรก จนท.ที่ถูกชี้มูลความผิดทางวินัย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube