“ประเสริฐ” ซัด “จุรินทร์” ทุจริตถุงมือยางภาคสอง
“ประเสริฐ”ซัด “จุรินทร์” ทุจริตถุงมือยางภาคสอง อัดนายกฯ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่กล้าปลดหวั่นตำแหน่งไม่มั่นคง
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่สองเริ่มอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ข้อกล่าวหานายจุรินทร์ คือทุจริตถุงมือยางภาคสอง รู้เห็นเป็นใจกับการทุจริต เนื่องจากกลุ่มผู้ทุจริตเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและแต่งตั้งขึ้นมา โดยมีเจตนาทอดเวลาจนกลุ่มผู้ทุจริตนำเงินที่ได้มาจากการทุจริตถุงมือยางจำนวน 2 พันล้านบาทไปฟอกเงิน จนไม่สามารถติดตามเงินมาได้
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่กล้าปลดนายจุรินทร์ออกจากตำแหน่งเพราะเกรงว่าหากปลด นายจุรินทร์ สถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะไม่มั่นคง นายจุรินทร์จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกระบวนการฟอกเงินเริ่มจากบ.การ์เดี่ยน ไกลฟส์ ได้รับเงินมัดจำ 2 พันล้านบาท จากการสั่งซื้อถึงมือยางจากองค์การคลังสินค้า แต่องค์การคลังสินค้ายังไม่ได้รับถุงมือยาง และปัจจุบันองค์การคลังสินค้าได้ยกเลิกสัญญากับบ.การ์เดี่ยนแล้ว
จากการอภิปรายครั้งที่แล้วเห็นได้ชัดมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ซึ่ง ปปช.มีการแจ้งข้อกล่าวหา นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าในขณะนั้นและผู้เกี่ยวข้องรวม 22 ราย แต่นายจุรินทร์ กลับจงใจไม่ปลดนายสุชาติและหลังจากนั้นปล่อยให้เวลาผ่านมาจนนายสุชาติหมดวาระในตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ภัยมาถึงตัวแล้วแต่งตั้งนายวิชัย โภชนกิจ เป็นอดีตอธิบดีกรมการค้าภายในมาเป็นประธานบอร์ดคลังสินค้า ซึ่งนายวิชัยมีประวัติไม่ชอบมาพากลเรื่องหน้ากากอนามัยในช่วงโควิดระบาดใหม่ๆ นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต เป็นผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าซึ่งมีความสนิทสนมกับครอบครัวนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ น้องชายของนายจุรินทร์
การที่นายจุรินทร์ไม่กระทำการใดๆส่งผล ให้เกิดความเสียหายสองเรื่องคือผู้กระทำผิดมีการฟอกเงิน และมีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จในการออกหนังสือรับรองยอดเงินฝากเพื่อนำไปจดทะเบียนสำนักทะเบียนหุ้นส่วนจังหวัดนครปฐม
มีการฟอกเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท ที่โอนมัดจำ ค่าถุงมือยางให้บริษัทการ์เดียน อย่างเปิดเผยไร้ยางอาย เพราะไม่รีบอายัดเงินให้ทันสถานการณ์ทั้งที่มีเวลาเพียงพอ ส่งผลให้ผู้ทุจริตกระจายไปยังบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการสร้างบัญชีม้า ในลักษณะปกปิดอำพรางเพื่อนำเงินไปแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกันในรูปแบบการกระจายเงินสดจำนวน 1,800 ล้านบาท
และมีการโอนไปโอนมาบัญชีของผู้บริหารบริษัทการ์เดียนและบัญชีอื่นๆอีกสามบัญชี โดยตั้งข้อสังเกตว่าส่วนมากธนาคารจะไม่มีการให้เบิกเงินสดเป็นจำนวนมากแต่กรณีดังกล่าวเป็นเหมือนลักษณะการสำรองเงินเตรียมพร้อมไว้แล้วเป็นลักษณะการถอนเงินแบบผิดปกติธนาคารได้มีการแจ้งต่อป.ป.ง.หรือไม่
นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทการ์เดียนมีการโอนเงินไปยังนิติบุคคล 8 บริษัท ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลิตถุงมือยาง และยังมีการโอนเงินไปยังบริษัทในประเทศเกาหลีใต้จำนวน 300 ล้านบาทด้วย แล้วอาจจะโอนกลับมายังกระทรวงที่ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ และยังพบการโอนเงินให้บุคคลต่างๆกว่า 40 บัญชี ซึ่งมีหลักฐานเป็นใบเสร็จโอนเงิน ทำให้มีข้อสงสัยว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่
เงินที่โอนไปไม่ได้ชำระค่าถุงมือยางเป็นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติเป็นการฟอกเงินในลักษณะให้ตัวแทนรับเงินและถอนเงินเพื่อนำเงินเหล่านี้ไปแบ่งปันซึ่งกันและกัน หากนายจุรินทร์มีคำสั่งอายัดเงินตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2563 ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นแต่นายจุรินทร์กับทอดเวลาเจตนาปล่อยให้มีการฟอกเงิน
แปลกใจที่นายกรัฐมนตรีและนายจุรินทร์ที่มีหน้าที่ตรวจโดยตรง และมีอำนาจรัฐอยู่ในมือแต่ไม่มีความจริงใจในการปราบปรามและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พฤติกรรมที่ละเว้นถือเป็นการทุจริตอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีการโยกย้ายเงินเพื่อออกหนังสือรับรองเงินฝาก นายกรัฐมนตรีและนายจุรินทร์ไม่ใช้อำนาจตามกฎหมายทำให้เงิน 2,000 ล้านบาทถูกยักย้ายถ่ายเท เพื่อนำไปใช้เปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัทการ์เดียนจากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาททำหลักฐานอันเป็นเท็จเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระเงินในลักษณะเงินสด โดยโอนเงินผ่านหลายธนาคารให้ธนาคารรับรองเงินฝากในวันเดียวกัน นายจุรินทร์”อย่าอ้างว่าไม่รู้แบบนี้โง่จริงหรือจงใจโง่”
พร้อมตั้งข้อสังเกต ว่าจากพฤติกรรมเงินตกอยู่ในมือของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างแน่นอน พร้อมเรียกร้องป.ป.ช. สอบสวนพฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์อีกครั้งเพราะหลังจากยื่นเรื่องต่อป.ป.ช. ไปครั้งที่แล้วยังไม่ได้ดำเนินคดีกับฝ่ายการเมือง และจะนำข้อมูลใหม่จากการอภิปรายครั้งนี้ทั้งพฤติกรรมและเส้นทางการเงินไปยื่นกับป.ป.ช. อีกครั้ง
หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนายับยั้งหรือแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดการฟอกเงินจากการทุจริตก็สามารถทำได้แต่กลับเพิกเฉย เสมือนเขียนกฎหมายด้วยมือแต่ลบด้วยเท้า จึงต้องกล่าวหานายกรัฐมนตรีปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ รู้แต่ไม่ยับยั้ง ปล่อยปละละเลยให้ฟอกเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศปล่อยให้ผู้กระทำผิดกินหรูอยู่สบาย ไม่เป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อสภาก็เป็นแค่เพียงลมปาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





