fbpx
Home
|
ข่าว

กมธ.งบฯ คาใจค่าน้ำมันรถนายกฯ

Featured Image
กมธ.งบฯ พิจารณาแล้ว 13 กระทรวง คาใจเบิกจ่ายค่าน้ำมันรถประจำตำแหน่งนายกฯ

 

 

 

 

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงข่าวความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ว่าในวันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 27 คณะ กมธ.ได้ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้ว ทั้งหมด 24 วัน รวม 214 ชั่วโมง

 

ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวม 13 กระทรวง 19 หน่วยงาน 14 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 48.1 ของหน่วยงานที่ต้องพิจารณาทั้งหมด โดยเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.65) เป็นการประชุมครั้งที่ 26 คณะ กมธ. ได้พิจารณางบประมาณของหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี 9 หน่วยงาน 4 งบกลาง จากทั้งหมด 28 หน่วยงาน 2 กองทุน งบกลาง 4 รายการ และพิจารณางบประมาณของส่วนราชการในพระองค์ 1 หน่วยงาน ในการพิจารณางบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับงบราชการลับจำนวน 60 ล้านบาท

 

ซึ่งคณะ กมธ. ได้สอบถามถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งบประมาณในส่วนนี้ว่ามีแนวทางการใช้จ่ายอย่างไร โดยทางผู้แทนของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า การใช้จ่ายงบราชการลับ เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้งบประมาณ และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่สำคัญหน่วยงานได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 63 ซึ่งหน่วยงานที่สามารถของบประมาณเงินราชการลับ ได้แก่

 

สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามการจัดสรรงบประมาณราชการลับต้องทำภายใต้ภารกิจ 4 ประการคือ

 

1) ภารกิจด้าน ความมั่นคงและการป้องกันราชอาณาจักร 2) ภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 3) ภารกิจด้านข่าวกรอง 4) ภารกิจอื่น ๆ ที่มีลักษณะปกปิดซึ่งกรณีที่หน่วยงานอื่น ๆ ขอรับงบประมาณรายการงบราชการลับนี้ทุกส่วนราชการต้องส่งรายงานผลการใช้จ่ายเงินงบราชการลับให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 3 เดือน

 

และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินต้องเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินราชการลับตามความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561 ประกอบระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินราชการลับหรือเงินที่มีลักษณะคล้ายเงินราชการลับให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 3 เดือน

 

และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินต้องเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินราชการลับตามความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561 ประกอบระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินราชการลับหรือเงินที่มีลักษณะคล้ายเงินราชการลับ พ.ศ. 2564

 

นอกจากนี้ คณะ กมธ. ยังได้สอบถามถึงกรณีที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ โดยระบุตอนหนึ่งว่าได้ใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเติมน้ำมันรถยนต์ จึงได้สอบถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการเบิกค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

ซึ่งผู้แทนของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า การเบิกค่าเชื้อเพลิงของนายกรัฐมนตรีและข้าราชการการเมือง เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดทางเลือกไว้ 3 แนวทางคือ 1)หากเลือกใช้รถยนต์ของราชการต้องใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 2)หากเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งจะมีสิทธิ์ได้รับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง

 

และ 3)หากเลือกใช้รถยนต์ตามสัญญาเช่าต้องใช้เงินส่วนตัวเพื่อเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตามในกรณีของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ประจำตำแหน่งไม่ได้เบิกจากงบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด ส่วนในวันนี้คณะ กมธ. จะพิจารณางบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรีรวม 17 หน่วยงาน 2 กองทุน และพิจารณางบประมาณของกระทรวงยุติธรรมอีก 5 หน่วยงาน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube