fbpx
Home
|
ข่าว

“เรืองไกร” แจงสาเหตุยื่น ปปช.เอาผิด “ชลน่าน”

Featured Image
“เรืองไกร” แจงสาเหตุยื่น ปปช.เอาผิด “ชลน่าน” เมินเอาผิด ส.ว. ชี้ ไม่มีอำนาจปรับลดงบประมาณ ทำได้แค่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

 

 

 

นายเกรียงไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2566 กล่าวถึงกรณีที่ร้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมส.ส.รายอื่นๆ ที่เห็นชอบให้ปรับลดงบรายจ่ายลงทุน ปี 2565 จนต่ำกว่า 20% ว่า เข้าข่ายมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม.234(1) หรือไม่ ว่า เพราะนายแพทย์ชลน่าน เป็นผู้นำฝ่ายค้านและเป็นผู้อภิปรายงบประมาณ 66 ว่าการปรับลดงบประมาณขัดวินัยการเงินการคลังมาตรา 20

 

ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาตนก็เป็นกมธ.งบด้วย จึงย้อนไปดูว่าการ ปรับลดยอดรวม 16,000 กว่าล้านเป็นรายจ่ายลงทุนประมาณ 12,000 บาท วันที่โยกงบ 16,000 บาทไปเป็นงบโควิด ตามมาตรา 6 คืองบกลาง วันนั้นกรรมาธิการเสียงข้างมากซึ่งรวมพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วย จึงแปลกใจในการอภิปรายงบปี66 ครั้งนี้ และเมื่อย้อนดูในช่วงวาระ 2 ของ การพิจารณางบประมาณปี 65 นายแพทย์ชลน่านก็เห็นด้วย

 

จึงขอให้ปปช.สอบนายแพทย์ชลน่านก่อน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ยินยอมให้ปรับลดงบประมาณ ในห้องอนุกรรมาธิการฯ ซึ่งตนไม่ได้อยู่ห้องนั้น ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยเพียงเห็นแย้ง กับพรรคก้าวไกลบางส่วนแค่ว่า ไม่เอาไปไว้ที่งบโควิดเพราะเป็นเหมือนการตีเช็คเปล่าให้กับนายกรัฐมนตรี

 

ส่วนที่จะไปกล่าวหาวุฒิสภาจนว่าเห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีวุฒิสภาไม่มีอำนาจปรับลด มีเพียงอำนาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น

 

สำหรับงบประมาณปี 66 ที่มีการพิจารณาในชั้นอนุกรรมาธิการ 8 คณะนั้น จะสามารถปรับลดเงินลงทุนได้เพียง 77 ล้านบาทเท่านั้น ต่ำกว่านี้ไม่ได้ไม่เช่นนั้นจะผิดมาตรา 20 (1) เพราะเงินลงทุนจะต่ำกว่า วงเงินขาดทุนงบประมาณทันที นี่เป็นสิ่งที่ยื่นไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อไปสั่งหน่วยรับงบประมาณที่มาชี้แจง ว่าอย่ายอมให้เกิดการตัดงบประมาณ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube