fbpx
Home
|
ข่าว

“พิธา”ติดเชื้อโควิดรอบ 2 คาดติดจากช่างภาพ

Featured Image
“พิธา”ติดเชื้อโควิด 19 รอบ 2 คาดติดจากช่างภาพ ติดคนเดียวลูกสาวของไม่ได้ติดด้วย

 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แจ้งข่าวการติดโควิดครั้งที่ 2 (Reinfection) ภายใน 1 เดือน ของตนเอง ว่า ตนได้มีอาการไม่สบายอีกครั้งหนึ่งและตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ผลเป็นบวกทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ ตนจึงไปตรวจยืนยันผลอีกครั้งโดยการตรวจ PCR ก็พบว่าติดเชื้อโควิดอีกครั้งหนึ่งโดยมีค่า CT อยู่ที่ 19 ซึ่งแพทย์ระบุว่าหมายถึงปริมาณเชื้อมาก วินิจฉัยว่าเป็นการติดโควิด อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ซากเชื้อจากการเป็นโควิดครั้งก่อน

 

การติดโควิดครั้งที่สองของตนสันนิษฐานว่าติดจากช่างภาพที่ร่วมงานกัน โดยตนติดคนเดียว ลูกสาวของไม่ได้ติดด้วยและตอนนี้ลูกอยู่ในความดูแลของคุณแม่แล้วครับ

 

ทั้งนี้ ตนได้สอบถามแพทย์เรื่องการติดซ้ำของสายพันธุ์โอมิครอน BA1 และ BA2 ได้รับการชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และในอังกฤษมีผู้ติดโควิดซ้ำถึง 650,000 คนโดยโอมิครอนมีโอกาสติดซ้ำมากกว่าเดลตาถึง 5 เท่า ตอนนี้กำลังมีการส่งต่อผลแล็ปของตนเพื่อตรวจสายพันธุ์ต่อไป

 

“พิธา”ยังห่วงเปลี่ยนผ่านโควิดเป็นโรคประจำถิ่น จี้รัฐต้องเตรียมพร้อมรับมือกับกรณีที่เลวร้ายที่สุด เร่งฉีดวัคซีนเด็ก

 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการแจ้งข่าวว่าติดเชื้อโควิด -19 ครั้งที่2 ว่า ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ติดตามการบริหารสถานการณ์โควิดมาโดยตลอด ขอใช้โอกาสนี้สื่อสารกับทุกท่านครับว่า ในบริบทการเปลี่ยนผ่านของโควิดจากโรคระบาดระดับโลก เป็นโรคประจำถิ่น นั้นยังมี 2 ปัจจัยสำคัญที่เรายังจำเป็นต้องติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถเปิดเศรษฐกิจได้อย่างสมดุลกับการรักษาความมั่นคงทางสาธารณสุขให้กับพี่น้องประชาชน

 

เรื่องแรก คือทรัพยากรสาธารณสุขคือจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้ใส่เครื่องช่วยหายใจ รัฐบาลเคยคาดการณ์ไว้ 2 ฉากทัศน์ว่า 1) ในฉากทัศน์ที่มีผู้ป่วยโควิดสูงที่สุด 4-5 หมื่นคนต่อวันในเดือนเมษายน จะมีผู้ใส่ท่อช่วยหายใจสะสมมากที่สุด 800 คนในเดือนพฤษภาคม 2) ในฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด จะมีผู้ป่วยโควิด 1 แสนคนต่อวันในเดือนเมษายนและจะมีผู้ใส่ท่อช่วยหายใจสะสมมากที่สุด 1,600 คน ซึ่งมากกว่าระลอกเดลตาที่ 1,100 คน สถานการณ์ในตอนนี้มีผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 644 คนแล้ว มีแนวโน้มที่รุนแรงมากกว่ากรณีแรกที่ 800 คน ไม่ว่ารัฐบาลจะคาดการณ์อย่างไร ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับกรณีที่เลวร้ายที่สุด และตนขอทวงถามความคืบหน้าของการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์รองรับผู้ป่วยเหลือง-แดง อีกครั้ง เช่นเดียวกับที่ตนทวงถามไปแล้วในหลายโอกาส

 

เรื่องที่สอง คือวัคซีนสำหรับเด็ก การระบาดของโอมิครอนมีผลกระทบกับเด็กมากกว่าในระลอกที่ผ่านๆ มามาก และการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก 5-11 ปี ควรจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ จากข้อมูลล่าสุดในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค มีการฉีดวัคซีนให้เด็ก 5-11 ปีแล้ว 1,889,766 เข็ม ใน 51 วัน เฉลี่ยวันละ 37,000 เข็มสำหรับระบบสาธารณสุขไทยที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 1 ล้านเข็ม ก็ถือว่าภาครัฐยังมีศักยภาพที่จะบริหารจัดการเพื่อให้เด็กได้รับวัคซีนรวดเร็วกว่านี้หากมีการจัดลำดับความสำคัญเสียใหม่

 

ท้ายที่สุดนี้ ตนขอให้ทุกคนปลอดภัยและมีสุขภาพที่แข็งแรง ได้กลับไปพบปะกับครอบครัวและคนที่รักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube