“จุรินทร์” เผยอัยการสั่งฟ้อง บริษัทเอกชนคดีถุงมือยางแล้ว ด้าน สตช.เร่งสอบสวนคดีส่งออกถุงมือยางใช้แล้วไปสหรัฐฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ไม่เกี่ยวคนมีสี-นักการเมืองเอี่ยว ยันไม่กระทบส่งออก-ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการส่งออกถุงมือยางไปนอกราชอาณาจักรนัดแรก เพื่อตรวจสอบกรณีพบถุงมือยางที่ใช้งานแล้วนำเข้าจากประเทศไทยไปยังสหรัฐอเมริกา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมมีข้อสรุป คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสตช. รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า คดีถุงมือยางทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแพดดี้ เดอรูม เทรดดิ้งนั้นทางอัยการได้สั่งฟ้องแล้ว
ส่วนกรณีถุงมือยางยี่ห้อ Skymed ที่พบว่ามีการส่งออกถุงมือยางใช้แล้วไปยังประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ที่ประชุมมอบหมายให้ สตช.รับไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป หากพบการกระทำความผิด ซึ่งสตช.จะสืบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน
โดยผู้แทน สตช.ยืนยันว่า จะเร่งรัดสืบสวนและสอบสวนว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้อง เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลว่า มีนักการเมืองหรือผู้มีสี เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีถุงมือยางทางการแพทย์แต่อย่างใด แต่เป็นกลุ่มเอกชนที่เข้ามากระทำการดังกล่าว
โดยนายจุรินทร์ ระบุว่า ที่ประชุมยังกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย., กรมโรงงานอุตสาหกรรม, กรมศุลกากรและกระทรวงมหาดไทย ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามวันนี้ได้สอบถามกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ที่เข้าร่วมประชุมว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้จะมีผลกระทบในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการค้าและการส่งออกระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกาหรือไม่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ด้านกระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า เรื่องการค้าและการส่งออก ก็คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้น เพราะมีการขยายตัวการส่งออกได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อสรุปถึงแนวทางการแก้ไขและอุปสรรคในการส่งออกถุงมือยางไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
