fbpx
Home
|
ข่าว

ครม.อนุมัติงบสปสช.15,065ลบ.-เพิ่มค่าตอบแทนอสม.อีก3ด.

Featured Image
ครม.อนุมัติ งบ สปสช. 10,569 ล้าน สนับสนุนค่าฉีดวัคซีนเป็น 40 บาทต่อครั้ง เพิ่ม 129 ล้านบาทสนับสนุนจัดซื้อรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย-ห้องปฎิบัติการเคลื่อนที่ เพิ่มค่าตอบแทน อสม. ต่อเนื่อง 3 เดือน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน โดยระบุ ครม. อนุมัติงบ 10, 569 ล้านบาท โครงการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข หรือ สธ. ภายใต้หลักระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีรูปแบบเป็นค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาลโรคที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ที่แบ่งเป็นค่าบริการตรวจคัดกรอง 6,353 ล้านบาทการบริการรักษา 3,417 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรักษาพยาบาลผู้ป่วยคนไทยและใน State quarantine เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจจะมากขึ้นซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 6 พันคนต่อเดือน ส่วนการบริการฉีดวัคซีน ที่มีวงเงินอนุมัติกว่า 760 ล้านบาท ที่กระทรวงได้ขออนุมัติเพิ่มเติมจากเดิมที่อนุมัติงบไปก่อนหน้านี้ 760 ล้านบาท เช่นกันทำให้ขณะนี้จึงได้ค่าสนับสนุนการฉีดเพิ่มขึ้นจากเดิม 20 บาทเป็น 40 บาทต่อครั้ง ส่วนสุดท้ายคือการรักษาอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนทั้งค่าตรวจวินิจฉัยและการรักษาอีก 30 ล้านบาท ค่าตรวจเพิ่มเติมอีก 928,000 บาทด้วย

นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติเพิ่มเติม 129 ล้านบาท สนับสนุนจัดซื้อรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย11คันและห้องปฎิบัติการเคลื่อนที่อีก 11 คัน เพื่อใช้ในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 นี้

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติค่าตอบแทนเยียวยาชดเชยเสี่ยงภัยให้กับอาสามัครชุมชนหรือ อสม. ทั่วประเทศ เพิ่มอีก 3 เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 กรอบวงเงิน 1,575 ล้านบาท จากเดิมที่ให้ต่อเนื่องมีตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 – ปัจจุบัน รวม 16 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ covid-19 ยังไม่คลี่คลายลง

 

ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ. การศึกษาสำคัญ 2 ฉบับเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. การศึกษาสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ให้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพ มีความสมบูรณ์ทั้งสติปัญญา ความรู้และคุณธรรม

นายอนุชา กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. มีสาระสำคัญที่เน้นการปรับระบบการบริหารจัดการของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเน้นความสำคัญด้านสถานศึกษาและครู ให้มีความเป็นอิสระและคล่องตัวของสถาบันการศึกษา เอื้อให้สามารถสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาและจัดการการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ ปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนเป็นการศึกษาเชิงรุก เน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะตามช่วงวัยเป็นต้น

ขณะที่ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. …. เป็นร่างกฏหมายขยายหลักการของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. ในประเด็นของการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิตโดยมีสาระ ส่งเสริมการเรียนรู้ 3 ด้าน ได้แก่ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิตามลำดับ

ทั้งนี้นายอนุชา เผยว่า คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. เป็นกฎหมายแม่บทในการบริหารและการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารและการจัดการศึกษาในอนาคต และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. …. เป็นการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายปฏิรูปการศึกษาที่มีความสอดคล้องกับหลักการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาด้วย

ครม.มติดำเนินคดีอาญาผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในแต่ละโครงการโดยเร็ว พร้อมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยเร็ว

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการทุจริตในการดำเนินโครงการตามตาม พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อแก้ไขเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 อาทิ โครงการคนละครึ่ง รวมทั้งเพื่อให้การดำเนินโครงการต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานแต่ละโครงการโดยเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยเร็ว และต้องรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบทุก 3 เดือน

ครม.อนุมัติหลักการแก้ไขปรับปรุงการกำหนดอัตราความเร็วสำหรับการขับรถในทางให้สอดคล้องกันมาตรฐานสากล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นการแก้ไขปรับปรุงการกำหนดอัตราความเร็วสำหรับการขับรถในทาง โดยกำหนดเกณฑ์ตามเขตพื้นที่ ลักษณะทางเดินรถ และประเภทของยานพาหนะให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน

สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขปรับปรุงครั้งนี้ ได้แก่ การกำหนดความเร็วขั้นสูง ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตชุมชน โดยรถบรรทุกที่มีน้ำหนักตัวรถเกิน 2,200 กิโลกรัม รถใช้บรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน รถโรงเรียน และรถจักรยานยนต์ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 60 กิโลเมตร, รถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 45 กิโลเมตร ต่างจากเดิมที่กำหนดไว้ว่า รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสาร ให้ขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ไม่เกินชั่วโมงละ 60 กิโลเมตร หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกินชั่วโมงละ 80 กิโลเมตร

ส่วนนอกเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา และเขตชุมชน แก้ไขเป็นรถบรรทุกที่มีน้ำหนักตัวรถเกิน 2,200 กิโลกรัม รถใช้บรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 80 กิโลเมตร, รถโรงเรียน และรถจักรยานยนต์ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 70 กิโลเมตร และรถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 55 กิโลเมตร

ส่วนทางเดินรถที่จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้อย่างน้อย 2 ช่องทางและมีเกาะกลางถนน คือ รถบรรทุกที่มีน้ำหนักตัวรถเกิน 2,200 กิโลกรัม รถใช้บรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คนให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 80 กิโลเมตร, รถโรงเรียน และรถจักรยานยนต์ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 80 กิโลเมตร และรถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ 65 กิโลเมตร

ทั้งนี้ให้หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลทางเดินรถนั้นๆ ดำเนินการจัดทำเครื่องหมายจราจร และมีหน้าที่ควบคุมกำหนดความเร็วในเครื่องหมายจราจรประเภทที่สามารถปรับเปลี่ยน รูปภาพ ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ได้

 

ครม.อนุมัติอุดหนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กรมท่าอากาศยาน วงเงิน 168 ล้านบาท ในส่วนของงบ 65

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติอุดหนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กรมท่าอากาศยาน วงเงิน 168 ล้านบาท ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระยะที่ 3 โดยให้เบิกจ่ายตามส่วนลดค่าบริการในการขึ้น-ลงของอากาศยาน และค่าบริการที่เก็บอากาศยานที่เกิดขึ้นจริง

ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจาก การขยายเวลาการปรับลดค่าบริการในการขึ้น-ลงของอากาศยาน (Landing Charge)ในอัตราร้อยละ 50 สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ ทำให้กรมท่าอากาศยานสูญเสียรายได้จำนวน 166 ล้านบาท และการยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการที่เก็บอากาศยาน(Parking Charge)ให้แก่อากาศยานของสายการบิน ทำให้สูญเสียรายได้จำนวน 1.49 ล้านบาท รวมสูญเสียรายได้ 168 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25 ของรายได้

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube