กต.จัดเที่ยวบินรับคนไทยกลับจากอิสราเอล
กต.ประสานให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะในอิสราเอล โดยศพ 2 แรงงานไทยจะถึง 26 พ.ค. จัดเที่ยวบินรับคนไทยกลับ 25 พ.ค. ขณะที่รัฐบาลอิสราเอล แสดงความเสียใจพร้อมยินดีจะดูแลเต็มที่
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลจากเหตุการณ์ปะทะครั้งใหญ่ระหว่างอิสราเอลกับเลสไตน์ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทย อยู่ประมาณ 25,000 คน ซึ่งพบว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ8 และมี2 ใน 8 บาดเจ็บสาหัส ล่าสุด ผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว มี 1 รายยังรักษาตัวอยู่ ขณะนี้อยู่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
อยู่ระหว่างประสานการดำเนินการขนส่งศพผู้เสียชีวิต กลับสู่ประเทศไทย โดยแรงงานทั้ง 2 มีประกันสุขภาพ ที่ทำกับอิสราเอล จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำศพ คาดว่าจะส่งศพถึงไทย 26 พ. ค. นี้ สถานเอกอัครราชทูต ได้ติดตามสิทธิประโยชน์และชดเชยให้ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตได้เน้นย้ำนายจ้าง เรื่องความปลอดภัยของแรงงานไทยและติดต่อประสานงานนักศึกษาไทยที่เข้าร่วมโครงการศึกด้านพืชศาสตร์ฯ 80 คนที่ทราบว่าทุกคนปลอดภัยดี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ กรณีการเสียชีวิตของแรงงานไทย 2 ราย ก่อนที่จะเริ่มบรรยายสรุปสถานการณ์ความไม่สงบต่อคณะทูตานุฑูตต่างประเทศในอิสราเอล กว่า 70 คน ที่เข้าร่วม
โดยเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ขอทราบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้อิสราเอล ให้การดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทย ซึ่ง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ ในการดูแลพลเรือนทั้งหมดในพื้นที่รวมถึงแรงงานไทย
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 20 พ.ค. รัฐบาลอิสราเอล ได้ตีพิมพ์คำประกาศแสดงความเสียใจ ในนามนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและประชาชนอิสราเอลต่อการเสียชีวิต 2 แรงงานไทย ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่จะรับความนิยมของอิสราเอล 2 ฉบับ พร้อมยืนยัน ยินดีจะดูแลแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ และแรงงานประเทศอื่น
ทั้งนี้ล่าสุดได้รับการแจ้งเพิ่มเติมจากการประสานงานแรงงานไทย ว่า อิสราเอล ได้จัดส่งบังเกอร์เคลื่อนที่ มายังนิคมเกษตรต่างๆ ที่แรงงานไทยทำงานอยู่เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ มีคำแนะนำต่อคนไทย และแรงงานไทยในอิสราเอลว่า ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด เมื่อมีเสียงไซเรนให้หลบภัยโดยเร็ว
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเตรียมแผนอพยพคนไทยออกจากอิสราเอล โดยเบื้องต้นมี 5 คนงานไทยแสดงความประสงค์ต้องการกลับไทยซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ได้จัดเตรียมเที่ยวบินให้กลับ วันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ซึ่งผู้ที่ต้องการกลับ สามารถติดต่อประสานมายังสถานทูตได้ ขณะเดียวกันสถานทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ประสานย้ายแรงงาน 9 คนออกจากพื้นที่อันตรายด้วย
กต.พบยอดลักลอบเข้าเมืองเกือบ2 หมื่นคน ย้ำเข้าไทยต้องลงทะเบียน ไม่อนุญาตลูกเรือไม่ใช่คนไทยเข้า เว้นกรณีมนุษยธรรม
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง สถานการณ์ลักลอบเข้าเมือง เคลื่อนย้ายแรงงานโดยผิดกฎหมาย และอำนวยความสะดวกเดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านด่าน ทางบกและทางน้ำ เพื่อสกัดกั้นโรค โควิด-19 สายพันธุ์อื่นๆ ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 20 พ.ค. มีการจับกุมคนไทยและต่างชาติ ลักลอบเข้าเมืองผิด 17,627 คน เป็นไทย1,853 คน เมียนมา 7,365 กัมพูชา 5,464 ลาว 1,089 มาเลเซีย 33 คน
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ขอเน้นย้ำว่า ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาต้องลงทะเบียนรับหนังสือรับรอง สำหรับเดินทางเข้าประเทศ จากสถานเอกอัครราชทูตสถานกงสุลใหญ่ของไทย ก่อนทุกครั้ง โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ โดยจุดผ่านแดนถาวรทางบกจะเปิดให้คนไทยเดินทางเข้าจาก4 ประเทศเพื่อนบ้านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์
นายธานี กล่าวถึงการเดินทางเข้าผ่านด่านทางน้ำ ว่า กรณีลูกเรือคนไทยต้องลงทะเบียน ผ่านกระทรวงการต่างประเทศก่อนเข้า เพื่อการเตรียมการสถานที่กักตัวของรัฐ และกระบวนการตรวจโรค ส่วนลูกเรือที่ไม่ใช่คนไทยไม่อนุญาต ยกเว้นกรณีที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ กรณีเรือยอร์ชต้องขอวีซ่าและลงทะเบียนผ่านกระทรวงการต่างประเทศก่อน และต้องผ่านกระบวนการกักตัวตรวจหาเชื้อระหว่างลอยลำกลางทะเล 14 วัน กรณีมนุษยธรรมลูกเรือสินค้าที่ปฏิบัติหน้าที่บนเรือมานานเกิน 12 เดือนขอใช้สิทธิผ่านไทยเพื่อเดินทางกลับประเทศโดยทันทีส่วนเรือสินค้าเข้าออกประเทศไทยจะได้รับอนุญาตเข้ามาจอดได้ตามเวลาที่กำหนด
นายธานี ระบุว่า กรมการกงสุลเพื่อคนไทย ได้จัดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับนักเรียนนักศึกษาไทย ที่มีกำหนดเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ หากผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ประสงค์ฉีด สามารถสอบถามได้ที่ กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ 02572842
ส่วนสถานการณ์ ชายแดนไทย-เมียนมา ตัวเลขล่าสุดมีผู้ขอลี้ภัยความไม่สงบเข้ามา 1,569คน(ณ 21 พ.ค.) อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย4แห่ง โดยในจำนวนนี้มีผู้หนีภัยได้รับบาดเจ็บจากความไม่สงบ 4 ราย ซึ่งไทยได้ให้ความช่วยเหลือรักษาพยาบาล ตามหลักมนุษยธรรมปัจจุบันยังรักษาตัวอยู่ 2 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ในเมียนมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดน ที่ต้องอพยพไปพักพื้นที่รวบรวมพลเรือน 153 คน
นายธานี ยังกล่าวอีกว่า ได้มีการเปิดเส้นทาง ส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ผ่านด่านตงซิง ประเดิมส่งออกทุเรียน ปฐมฤกษ์ปีนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 116 ตันมูลค่า 20 ล้านบาท

นายกฯสั่งเฝ้าระวังชายแดนเข้มงวด จัดการกระบวนการลักลอบพาคนเข้าประเทศ ตชด. เตรียม 14 รพ. สนาม รองรับแรงงานต่างด้าวข้ามแดนผิดกฎหมาย
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายก เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการในที่ประชุม ศบค. วันนี้ ให้เข้มงวดสูงสุด ในเรื่องการป้องกันการลักลอบเข้าประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังมีการลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายโดยช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด
ในการนี้ นายกฯยังกำชับเรื่องความพร้อมในเรื่องสถานที่กักกันตัวในระดับท้องถิ่น และโรงพยาบาลสนาม ในพื้นที่จ.ชายแดน เพื่อเตรียมรับการเดินทางกลับเข้าประเทศของคนไทย ตามช่องทางทางบก และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มีการเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม 14 แห่ง เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ข้ามแดนผิดกฎหมาย เป็นการยับยั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปยังชุมชน
สำหรับกระบวนการนำคนต่างชาติเข้ามา เป็นแรงงานอย่างผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการจับกุมนายหน้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน เพราะเป็นการกระทำที่เลวร้าย เพิ่มความเสี่ยงต่อการการแพร่ระบาดโควิด19ในประเทศไทย
ทั้งนี้ การแจ้งข้อมูล และเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายที่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค และกรณีเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ผ่าน สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 และศูนย์บริการประชาชน 1111 ในส่วนแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย มีจำนวนเรื่องสะสมตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. – 20 พ.ค. แล้ว 45 เรื่อง ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 42 เรื่อง จับกุมดำเนินคดี 11 คดี มีผู้กระทำความผิด 66 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการ 3 เรื่อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news





