fbpx
Home
|
ข่าว

นายกฯปูพรมฉีดวัคซีนเร่งแก้โควิดคุกห่วงแคมป์คนงาน

นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ กระจายวัคซีน 3 ช่องทาง ตั้งเป้าฉีดวัคซีนใน กทม. อย่างน้อย 5 ล้านคน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส covid-19 ในขณะนี้จะยังคงทรงตัว ซึ่งไม่รวมถึงคลัสเตอร์ ราชทัณฑ์ ก็ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยขอให้สนใจตัวเลขผู้หายป่วยในแต่ละวัน ซึ่งรวมแล้วกว่า 70,000 คนแล้ว ซึ่งในระลอกนี้มีมากถึง 40,000 คน หรือครึ่งหนึ่ง ของผู้ติดเชื้อเป็นผลจากความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์มาตรการคัดแยกตามอาการ และรักษาเป็นอย่างดี โดยได้มีการเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์เ เตียง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการบริจาคจากภาคเอกชนต่างๆ และประชาชน ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่องของการฉีดวัคซีน โดยได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ มีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ 1.ผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งมีผู้ลงทะเบียน ประมาณ 7 ล้านคน สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้กลุ่ม ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งข้อดี ผู้ลงทะเบียนสามารถจองคิวฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลที่เลือก และสามารถเลือกวันเวลาได้ โดยรับรองได้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด หรืออาจจะเป็นระบบอื่นๆ ในแต่ละจังหวัด

2. ช่องทางเสริมระบบหมอพร้อม โดยการลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน ในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ

3.การกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ โดยการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ อาทิ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชน ซึ่งสามารถยื่นเรื่องให้กับกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีน และจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไปตาระดับความเร่งด่วน

อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีเป้าหมายฉีดวัคซีนแบบปูพรม ในกรุงเทพฯที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคนหรือ 70% ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ได้ภายใน 2 เดือน (มิ.ย.และ ก.ค.) ที่นอกจากโรงพยาบาลและจุดฉีดหลักแล้วจะมีจุดฉีดวัคซีนเสริมอย่างน้อย 25 จุด กระจายทั่วกรุงเทพฯรวมถึงสถานีกลางบางซื่อเพื่อให้ประชาชนหาเช้ากินค่ำ และแรงงานต่างๆ ได้เข้าถึงวัคซีนได้อย่างเร็วขึ้น ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจเกิดปัญหาติดขัดในเรื่องของการฉีดวัคซีนอยู่บ้างหรือเกิดความไม่ชัดเจนความไม่เข้าใจ จากการให้ความสนใจเข้าลงทะเบียนเป็นจำนวนมากและการวางแผน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตรงเป้าหมายของประเทศให้มากที่สุดซึ่งได้มีการติดตามและเร่งรัด ให้ปรับปรุงโดยเร็ว ซึ่งต้องขออภัยที่ทำให้เกิดความไม่สะดวก แต่ขอยืนยันว่า ทุกคนในประเทศไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน โดยเรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมากเพียงพอ และจะเริ่มให้บริการทั่วประเทศต้นเดือน มิ.ย. อย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาได้เร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยงไปแล้วหว่า 2.3 ล้านโดส ได้ผลเป็นอย่างดี ไม่มีใครเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงแม้แต่คนเดียวจึงขอให้ทุกคนมั่นใจได้

 

นายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ปัญหาการแพร่เชื้อในเรือนจำ เร่งตรวจหาเชิงรุก พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ สั่งเข้มงดเข้าเยี่ยมจนกว่าสถานการณืจะดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส covid-19 ในกรุงเทพฯและปริมณฑลเริ่มทรงตัว แม้ว่าเราจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้ในบางพื้นที่แต่ยังมีคัตเตอร์ใหม่เกิดขึ้นอีก ทำให้ต้องมีการเรียกประชุม ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และศบค. เป็นการด่วนวานนี้ เพื่อรับทราบสถานการณ์ล่าสุดและหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ จะต้องเร่งแก้ปัญหาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ โดยดำเนินการตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุด พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เรือนจำภายในเรือนจำ เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา หากมีผู้ที่มีอาการรุนแรง จะนำออกมา รักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง ตามระบบ ซึ่งยืนยันว่าจะให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด อย่างเท่าเทียม โดยเรือนจำแต่ละแห่งมีระบบ ปิด จึงมีโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อ สู่ชุมชนได้น้อยมาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลเข้มงวดในช่วงที่มีการระบาด ให้งดการเข้าเยี่ยมจากภายนอกจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนในพื้นที่อื่นๆทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยังคงเดินหน้าต่อไป ตามแนวทางที่ทำสำเร็จคือการตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วยส่งตัวรักษา และระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน การเว้นระยะห่าง การตรวจวัดอุณหภูมิทุกสถานที่ ซึ่งการระบาดเกิดจากการอยู่ในพื้นที่แออัดจึงได้กำชับสั่งการ ศบค. เร่งออกตรวจพื้นที่ ที่มีโอกาสเสี่ยงเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงานและสถานที่อื่นๆในกรุงเทพฯทั้งหมด รวมไปถึงในเรือนจำ โดยจะใช้แนวทาง bumble and Seal คือ การปิดกั้นการเดินทาง เข้า-ออก ของคนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายเชื้อสู่ภายนอก โดยสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด ทีมแพทย์จึงเชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว และจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแบบวันต่อวัน

นายกฯกำชับ ครม.เร่งชี้แจงมาตรการของรัฐ-ศบค. พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำให้ที่ประชุมครม.ในการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนรับทราบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆของรัฐบาล และศบค. ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินไปต่อได้ โดยใครมีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานของรัฐ ให้มีความเข้มงวดในการตรวจสอบดูแลข่าวปลอมจากหน่วยงานของตนตลอดเวลา ชี้แจงทำความเข้าใจ
กับประชาชนในทันทีและหากเป็นการกระทำผิดกฎหมายขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อดำเนินการ รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อทุกคน ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษมากยิ่งขึ้นและขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้เป็นหูเป็นตาแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆ

สำหรับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดและมาตรการผ่อนคลายที่วันนี้มีผลบังคับใช้แล้ว เช่นการอนุญาตให้พื้นที่สีแดงเข้ม สามารถนั่งทานอาหารได้ในร้าน โดยจำกัดจำนวนคนซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในการประกอบธุรกิจร้านอาหารคงไม่ใช่เฉพาะเจ้าของแต่มีประชาชนจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คน โดยได้ผ่านการพิจารณาจากคณะที่ปรึกษาอย่างรอบคอบและจะต้องมีการใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวดคือจำกัดคนไม่ให้เกิน 1 ใน 4 การเว้นระยะห่างกันไม่ดื่มสุราภายในร้านหากพบว่าร้านใดไม่ดำเนินการตามมาตรการจะสั่งปิดโดยทันทีโดยมีการทบทวนมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม จึงขอให้เจ้าของร้านอาหารทุกร้านสมาคมต่างๆ ช่วยกันรับผิดชอบด้วยทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

นายกฯกำชับชายแดนเข้มงวดสูงสุด ป้องกันลักลอบเข้าประเทศ ขู่ฟัน จนท.เอี่ยว หาผลประโยชน์บนความเสี่ยงของชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดน ให้มีความเข้มงวดสูงสุด หากพบว่าเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดแสวงหาผลประโยชน์จากความเสี่ยงของประเทศชาติจะต้องลงโทษให้หนักที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ในวันนี้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ นโยบายคือจะต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้โดยเร็วและเข้าถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่ได้รับความคิดเห็นจากประชาชนจำนวนมากโดยได้ตัดสินใจว่าจะไม่รอให้คนวัยใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ฉีดวัคซีนจนครบก่อน จึงเปิดให้คนกลุ่มอื่นได้รับวัคซีนโดยจะปรับแผนการเดินหน้าประเทศไทยเปิดโอกาสให้ทุกคนทุกกลุ่มที่มีความพร้อมได้เข้าถึงวัคซีน แต่มากน้อยก็ขึ้นกับปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ โดยเฉพาะวัยทำงาน ปกป้องคนทำมาหากินคนที่เป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงคนในบ้าน ออกไปทำงานทำมาหาเลี้ยงชีพ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราจะเอาชนะโควิดไปได้อย่างไร คำตอบก็คือ เราจะเอาชนะโควิดไปได้ก็ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด เพื่อจะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปต่อได้ เราจะสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยจะต้องดีขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจความรักความสามัคคีของคนในชาติ เพราะเราทุกคนคือทีมประเทศไทย

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube