ข่าว สันติภาพชายแดนจะเกิด เขมรต้องหยุดรุกรานไทย 20 ธันวาคม 2025 - 15:00 ชายแดนไทย–กัมพูชา ตึงเครียด แม้นานาชาติเรียกร้องหยุดยิง แต่เสียงในไทยยังแตกเป็นสองทาง ระหว่างเดินหน้าปกป้องอธิปไตย หรือหันสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ยังมีรายงานการปะทะเป็นระยะ เสียงจากประชาคมโลกเริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบ และหันกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียของพลเรือน และรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคอาเซียน หลายประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจบานปลาย พร้อมเน้นย้ำหลักการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี การเคารพอธิปไตย และการใช้กลไกทางการทูตเป็นทางออกหลัก โดยมองว่าการหยุดยิงจะเป็นก้าวแรกของการลดความตึงเครียด และเปิดช่องให้การเจรจาเดินหน้าต่อได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง กระแสในสังคมไทยกลับสะท้อนมุมมองที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เสียงจากประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อย เรียกร้องให้กองทัพไทย “เร่งจบภารกิจ” ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้เหตุผลว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงมีพฤติกรรมละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง และไม่แสดงความจริงใจในการเจรจา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ท่ามกลางสงครามไทย-กัมพูชา มีเส้นบางๆ จะเกิดสันติภาพขึ้นได้ โดยกัมพูชาต้องหยุดยิงและไม่ส่งทหารมารุกล้ำคุกคามผืนแผ่นดินไทย แล้วมอบดินแดนไทยที่ยึดครองไว้กลับคืนมา “วิธีเดียวสันติภาพจะเกิดคือ กัมพูชาต้องคืนดินแดนไทยกลับมา แล้วหยุดยิงทุกอย่างมันก็จบ แล้วสันติภาพก็บังเกิด แต่วันนี้ยังเรียกร้องหาสันติภาพไม่ได้เพราะกัมพูชายังยึดครองแผ่นดินไทยอยู่” โดยกองทัพไทย เอง มีการวางเป้าสงครามไทย-กัมพูชาให้จบในสิ้นเดือน ธ.ค. ดังนั้นกองทัพต้องเร่งเวลาเอาแผ่นดินไทยกลับคืนมาจึงจะเกิดสันติภาพจริงขึ้นมาได้ ซึ่งไม่ใช่สันติภาพจอมปลอมตามการประชุมพิเศษที่มาเลเซียเพื่อตกลงหยุดยิงเมื่อ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้นก่อนถึงการประชุมอาเซียน 22 ธ.ค.นี้ หากทั้งสองประเทศไม่ตกลงหยุดยิงแล้ว สงครามต้องดำเนินต่อไป และไทยก็ไม่มีทางถอยทัพออกจากแผ่นดินแม่ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ทั้งประชาชนกัมพูชาและคนไทยบางส่วนเรียกร้องให้เกิดสันติภาพซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าเป็นสันติภาพจอมปลอมแล้วจะนำไปสู่ปัญหากันอีกได้ และไทยคงไม่ยอมเอาดินแดนไปแลกสันติภาพ เสียงสะท้อนเหล่านี้ สอดคล้องกับความกังวลของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความไม่แน่นอน ทั้งความปลอดภัย รายได้ และการอพยพชั่วคราว ซึ่งทำให้คำว่า “หยุดยิง” ในมุมมองของชาวบ้าน ต้องมาพร้อมกับหลักประกันความปลอดภัยที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงข้อตกลงบนกระดาษ นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลบางส่วน ระบุว่า การหยุดยิงไม่ควรเป็นเพียงการ “พักรบชั่วคราว” ที่อีกฝ่ายใช้เป็นโอกาสจัดกำลังใหม่ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก ขณะที่ฝ่ายค้านเอง ก็เรียกร้องให้รัฐบาลสื่อสารข้อมูลกับสาธารณชนอย่างโปร่งใส และใช้กลไกการทูตควบคู่ไปกับมาตรการด้านความมั่นคง ด้านกองทัพไทย แสดงท่าทีระมัดระวัง แต่หนักแน่น โดยยืนยันว่าการปฏิบัติการทั้งหมดเป็นไปเพื่อป้องกันประเทศ และตอบโต้ตามความจำเป็นเท่านั้น แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า กองทัพไม่ได้ปิดประตูการหยุดยิง แต่เงื่อนไขสำคัญคือ อีกฝ่ายต้องยุติการโจมตีอย่างแท้จริง และมีหลักประกันที่ตรวจสอบได้ ไม่ใช่การประกาศฝ่ายเดียว สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในเวลานี้ จึงไม่ใช่เพียงสมรภูมิทางทหาร แต่ยังเป็นสนามของแรงกดดันทางการทูต เสียงเรียกร้องจากประชาชน และการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ละเอียดอ่อน คำถามสำคัญ คือ การหยุดยิงจะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนจริงหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงการหยุดเพื่อรอการปะทะครั้งใหม่ ท่ามกลางความคาดหวังของคนไทย ที่อยากเห็นความสงบกลับคืนมา แต่ก็ไม่ต้องการแลกมาด้วยความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th Twitter : https://twitter.com/innnews Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news LINE Official Account : @innnews Video“อภิสิทธิ์” นำ ปชป. ทวงคืนเก้าอี้ กทม. เปิดแคมเปญ 22 ธค.นี้Video7 พรรคใหม่ กับ 3 ขั้วอำนาจ ลุ้นเก้าอี้เข้าสภา