“ณัฐพงษ์” ชี้ยุบสภาเร็วไม่เสียหาย -หวั่นท่าทีนายกฯชายแดนไทยเขมร
“ณัฐพงษ์” ชี้ ยุบสภาเร็วไม่เสียหาย หากเดินตาม MOA ยันพร้อมซักฟอกทันที ถ้าแก้รัฐธรรมนูญสะดุด จี้ รัฐบาลกำหนดจุดจบชัดเจน ชายแดนไทย–กัมพูชา หวั่นท่าที “นายกฯ” ทำไทยเสี่ยงถูกมองเป็นผู้รุกราน ย้ำต้องกดดันทุกด้านบีบกัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจา
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระแสยุบสภาที่นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ส่งสัญญาณ ว่า หากการดำเนินงานยังอยู่ในกรอบบันทึกความเข้าใจ (MOA) โดยเฉพาะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การยุบสภาเร็ว ย่อมไม่ใช่ปัญหา พร้อมระบุว่าประชามติสามารถเดินคู่กับการเลือกตั้งได้ตามโรดแมปที่วางไว้ ทั้งนี้ เลี่ยงตอบ “ให้คะแนน” นายกรัฐมนตรี แม้เป็น 1 ในผู้โหวตเลือกนายอนุทินขึ้นเป็นผู้นำ โดยย้ำว่า เรื่องการตรวจสอบต้องดูเป็นรายประเด็น พร้อมแสดงความกังวลต่อท่าทีของนายกฯ บนเวทีนานาชาติในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า ไม่ควรถูกมองว่าประเทศไทยเป็นฝ่ายรุกราน
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยืนยันว่า หากกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญสะดุดหรือล้มลง ไม่เป็นไปตาม MOA พรรคประชาชนพร้อมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีทันทีตามมาตรา 151 โดยขอรอดูผลโหวตวาระ 2 และ 3 ก่อน อย่าด่วนตั้งข้อสังเกต ทั้งยังระบุว่า แม้ ส.ว. 1 ใน 3 จะเตรียม “คว่ำร่าง” ก็ต้องวัดกันในสภา ไม่ขอถอย
ส่วนกรณีฝ่ายค้านถูกถามว่าล่าช้าในการตรวจสอบรัฐบาล นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า “เราไม่เคยรอเวลา” พร้อมเผยว่า ได้เชิญรัฐมนตรีชี้แจงหลายครั้งแต่ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ และยังคงทำหน้าที่ผ่านกรรมาธิการและการสื่อสารต่อสาธารณะอย่างเต็มที่ โดย2 ปีที่ผ่านมาไทยเปลี่ยนนายกฯ ถึง 3 คน หากไม่แก้กติกาสูงสุดของประเทศ แม้เลือกตั้งอีกกี่ครั้ง ประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ ย้ำการตัดสินใจโหวตนายอนุทินในวันนั้น ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อคะแนนนิยมของพรรค
ขณะเดียวกัน หัวหน้าพรรคประชาชนยังกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาว่า ขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้อง “ตั้งธงให้ชัด” ว่า คำว่าจบสถานการณ์หมายถึงอะไร เพราะมีทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับผลกระทบจากการปะทะ พร้อมย้ำว่า การยุติความขัดแย้งอย่างแท้จริงต้องนำไปสู่การกู้คืนความปกติสุขให้กับคนในพื้นที่ชายแดน
นายณัฐพงษ์ ชี้ว่า แม้การใช้กำลังทางทหารเพื่อตอบโต้และทำลายขีดความสามารถฝ่ายกัมพูชาจะทำได้ แต่ต้องไม่ทำให้ไทยตกอยู่ในฐานะ “ผู้รุกราน” และต้องดำเนินการตามหลักกติกาสากล เขาย้ำว่ารัฐบาลต้องเดินเกมทุกมิติ ทั้งทางทหาร ข่าวสาร และการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของฝั่งกัมพูชา เพื่อบีบให้กัมพูชากลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา
ผู้นำฝ่ายค้านฯ แสดงความกังวลหลังนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ไม่เปิดโต๊ะเจรจา” และให้ฝ่ายความมั่นคงมีสิทธิ์ตัดสินใจเต็มที่ โดยเตือนว่า ท่าทีเช่นนี้อาจทำให้ไทยถูกนานาชาติมองว่าเป็นฝ่ายคุกคาม อีกทั้งยังเป็นการ “ตีเช็คเปล่าให้กองทัพ” ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในฐานะฝ่ายบริหาร
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ความขัดแย้งชายแดนมีประวัติยาวนานหลายสิบปี การจะให้ “จบในรุ่นนี้” ตามที่หลายฝ่ายในรัฐบาลกล่าว จึงแทบเป็นไปไม่ได้ หากไม่มีการพูดคุยและปักปันเขตแดนร่วมกัน พร้อมตั้งคำถามว่าสุดท้ายแล้ว “จุดจบ” ที่รัฐบาลต้องการคืออะไร จะใช้กองทัพทลายทุกอย่างให้ราบ หรือจะเดินตามหลักที่กองทัพภาค 2 ระบุว่า ทุกความขัดแย้งต้องจบด้วยการเจรจา
ส่วนกรณี ฮุน เซน ระบุว่า เหตุปะทะอาจถูกใช้สร้างคะแนนนิยมให้พรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ควรสรุปก่อนมีข้อมูลครบ แต่ยอมรับว่า ต้องระวังไม่ตกอยู่ในเกมของกัมพูชา และย้ำว่าหากไทยใช้อำนาจเกินกรอบสากล จะสูญเสียความชอบธรรมทันที พร้อมฝากนายกรัฐมนตรีว่า “ท่าทีคือหัวใจสำคัญ” ต้องระวังไม่ขยับไปในทิศทางที่เข้าทางฝ่ายตรงข้าม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





