“พิพัฒน์” บัตรรถไฟฟ้าใบเดียว ยังติดปัญหายังไม่เข้า ครม.
“พิพัฒน์” บัตรรถไฟฟ้าใบเดียว ยังติดปัญหาไม่สามารถเข้า ครม. ได้ เสนอรวมกิจการรถไฟฟ้ากลับมาเป็นของ รฟม. แต่ต้องไม่กระทบหนี้สาธารณะ ชงมาตรการเพิ่มการท่องเที่ยว EEC ก่อนเปลี่ยนรัฐบาล
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีความคืบหน้าการรวมบัตรรถไฟฟ้า 4 สายว่า ยังไม่เรียบร้อย เรื่องยังติดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ของปลัดกระทรวงคมนาคม ยังไม่สามารถนำเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีได้
เนื่องจากโครงการที่กรมการขนส่งทางรางเสนอขึ้นมา เห็นว่ายังมีความติดขัดหรือผิดพลาดอยู่เล็กน้อย คาดว่าในการประชุมในสัปดาห์หน้า น่าจะมีความเรียบร้อย ซึ่งตนคิดว่าโครงการเหล่านี้ จะเป็นโครงการที่ดีในการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่จะรวมบัตรใบเดียวสามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้ทุกสี แต่ ยังไม่ถึงขั้นการพิจารณาราคา ต้องนำไปศึกษาว่าจะสามารถทำได้ที่อัตราเท่าไหร่ และต้องกลับมามีผู้เป็นเจ้าของแต่เพียงรายเดียว คือ รฟม. จึงต้องหาวิธีการที่จะนำกลับมาเป็นของรฟม. โดยตนจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลัง
รวมถึงนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอยู่แล้วว่าให้กระทรวงการคลังเป็นผู้หาแนวทางในการซื้อกิจการเหล่านี้เข้ามาเป็นของรัฐ โดยไม่กระทบหนี้สาธารณะ ซึ่งตนคิดว่านี่คือสาระสำคัญที่สุด และยังคงเป็นข้อหารือกันอยู่ ซึ่งกำลังให้กระทรวงการคลังเป็นแม่งานในการหาข้อสรุป ก่อนส่งกลับมาที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการต่อไป
ในส่วนของค่าโดยสารรถไฟฟ้าเหมาจ่าย 40 บาท ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้างนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ถือว่าดีขึ้นเล็กน้อย จากมาตรการที่ลดจาก 42 บาท เป็น 20 บาท ก็มียอดผู้ใช้งานจนน่าจะเกือบเต็มจำนวน ของผู้ที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า เมื่อมีมาตรการเหมาจ่าย 40 บาทก็มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น แต่ทั้งสายสีแดงและสีม่วง เพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 1 จึงไม่ได้ถือเป็นนัยสำคัญ
สำหรับกรณีโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ที่เป็นโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของไทย ครอบคลุม 3 จังหวัด (ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง) เป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่วันนี้ตนให้การบ้านกับเลขาฯ EEC เอกชน และการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าการที่จะทำให้รถไฟ 3 สถานี และสนามบินอู่ตะเภา มีเสน่ห์ขึ้นมา จะต้องเติมอะไรเข้าไปใน EEC ที่เป็นแม่งาน
โดยตนได้ศึกษาหลายฝ่ายว่า เรื่องสนามกีฬาในประเทศไทยยังขาดสนามกีฬาที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถจัดระดับโลก 80,000 ที่นั่ง เพื่อจัดอีเวนท์ใหญ่ได้ และเป็นการตอบสนองในเรื่องของการจัดอีเวนท์บันเทิง แทนที่จะกระจุกอยู่ Indoor อย่างเดียว ก็สามารถกระจายไปที่พัทยาหรือชลบุรีได้ องค์ประกอบต่อมาคือทำไมบ้านเราที่เป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เราไม่มีสวนสนุกขนาดใหญ่
ตนกำลังหาวิธีเพื่อจะไปศึกษาดู ว่าจะเป็นไปได้ หรือไม่หาก เราจะเอา Disneyland เข้ามาในเมื่อเราไม่มี Entertainment Complex ที่เป็นคาสิโนแล้ว ทำไมเราไม่เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็น Entertainment ต่อ โดยเชื่อว่าในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง ญี่ปุ่น มีทั้งสวนสนุกขนาดไซส์เล็ก ไซส์กลาง และไซส์ใหญ่ ซึ่งจากการศึกษามาไซส์ใหญ่พื้นที่ไม่เกิน 3000 ไร่
และตนมองว่า EEC ควรหาพื้นที่สำรองไว้เลย นอกเหนือจากสนามฟุตบอลสนามแข่งม้าม้า ต้องให้ EEC สำรองไว้ว่าต้องสำรองพื้นที่อีกเท่าไหร่ และเอากิจกรรมเหล่านั้นลงใน EEC ก็จะทำให้คนเดินทางเข้าสู่รถไฟสามสนามบิน สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้สัมปทานไปแล้วสองบริษัทน่าจะพึงพอใจ
ซึ่งหลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการว่าหากมีการเติมกิจกรรมเหล่านี้เข้าไปจะเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยก็จะมีการเดินหน้า แต่คาดว่าคงไม่ทันในรัฐบาลนี้ พร้อมกับย้ำว่า เตรียมหารือกับ EEC ขั้นต้น เพื่อหารือกันไว้ก่อนแต่เรายังไม่ได้เคาะ แต่สิ่งนี้คือไอเดียที่จะดึงให้คนมาท่องเที่ยวใน EEC มากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





