“บิ๊กโจ๊ก”สอนงาน ตร.-พฐ. ทำคดี “นัทปง”
“บิ๊กโจ๊ก” แนะคดี “นัท ปง” มีสารไซยาไนด์ ในร่างกาย ตร.และ พฐ. ต้องเข้าที่เกิดเหตุเก็บหลักฐานให้เร็ว จี้ตำรวจและราชการเร่งมาตรการสกัดสารไซยาไนด์ให้เข้าถึงประชาชน ได้ยาก
วันนี้ (8 ธ.ค.68) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ทัศนะความเห็นถึงการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือนัท หรือนัทปง ผู้สื่อข่าวรายการลุยชนข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่ผลชันสูตรของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า พบสารไซยาไนด์ในกระเพาะอาหารและในเลือดของนายณัฐวุฒิ
โดยเปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่ตนเคยทำคดีแอม ไซยาไนด์ ตนเลยเห็นประสบการณ์ในคดีประเภทนี้ว่า ถ้าตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถรักษาที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ง่ายขึ้น
เท่าที่ตนได้ยินมาจากคดีของนายณัฐวุฒินั้น ทราบว่าหลังพบการเสียชีวิต ไม่มีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงตรวจสอบที่เกิดเหตุนอกจากพนักงานสอบสวน ซึ่งตนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะตนเชื่อว่า ตำรวจน่าจะทำตามหน้าที่ในการลงตรวจสอบที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้นแล้ว
ซึ่งมองว่า พนักงานสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานต้องเข้าตรวจสอบพร้อมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเข้าเก็บพยานหลักฐาน โดยมีข้อดีก็คือ การเก็บพยานหลักฐานจะสามารถทำได้อย่างละเอียด อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังสามารถขอคำแนะนำหรือรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานในฐานะผู้เชี่ยวชาญได้
ขณะเดียวกัน สภาพที่เกิดเหตุนั้นควรจะต้องถูกรักษาเอาไว้อย่างดี ซึ่งนั่นจะทำให้เราเก็บรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วน ตั้งแต่ DNA วัตถุพยานอื่น ๆ ไปจนถึงสภาพการตาย ดังนั้น สถานที่เกิดเหตุถือว่าสำคัญอย่างมาก
ปัญหาที่ตนทราบมาจากประสบการณ์ทำคดีแบบนี้คือ ในกรณีที่แจ้งว่าเป็นการฆ่าตัวตายนั้น อาจจะทำให้เกิดการละเลยและไม่ได้นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งสภาพสถานที่เกิดเหตุไม่ได้ถูกรักษาเอาไว้อย่างดี หากสถานที่เกิดเหตุถูกส่งกลับไปยังครอบครัว อาจจะทำให้พยานหลักฐานหลายอย่างหายไปและคดีมีปัญหาได้
ส่วนเรื่องการชันสูตรพลิกศพนั้น กรณีการเสียชีวิตจากสารไซยาไนด์ ต้องผ่าพิสูจน์อย่างเดียว ซึ่งประเด็นตรงนี้เชื่อว่าแพทย์ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว โดยศพที่เสียชีวิตจากสารไซยาไนด์นั้น เลือดจะมีสีแดงสด ซึ่งสำหรับคดีของนายณัฐวุฒินั้น ต้องตรวจสอบดูที่เล็บด้วยว่ามีสีดำหรือไม่ รวมทั้งตามซอกเล็บนั้นพบสารไซยาไนด์ตกค้างจากการจิกสารขึ้นมารับประทานหรือไม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากตำรวจจะต้องเร่งไขข้อเท็จจริงในคดีนี้ให้รวดเร็วแล้ว ควรจะต้องหารือกับกรมศุลกากรและกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะสะท้อนปัญหาว่า มาตรการการป้องกันการ นำเข้าสารไซยาไนด์สู่มือประชาชนนั้นยังไม่ดีพอ สารไซยาไนด์ยังคงนำเข้าได้อย่างง่ายดายและนำมาสู่การก่อคดีที่สร้างความสะท้อนขวัญแก่ประชาชน
ยืนยันว่า ประชาชนทั่วไปครอบครองสารไซยาไนด์ไม่ได้ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย การที่ประชาชนสามารถครอบครองสารไซยาไนด์ได้ง่าย จะสร้างความสะเทือนขวัญแก่สังคม ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรต้องเร่งหารือเพื่อติดตามว่า ที่ผ่านมาได้นำเข้าสารไซยาไนด์มาเท่าไหร่และถูกนำไปกระจายอยู่ตามโรงงานหรือสถานที่ใดบ้าง รวมทั้งต้องเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องของมาตรการการนำเข้าสารไซยาไนด์สู่ประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





