Home
|
ข่าว

นักวิชาการชี้ กัมพูชา เปิดศึกรอบใหม่ เกมเบี่ยงประเด็น

Featured Image
เกมเบี่ยงประเด็น ! กัมพูชา เปิดศึกรอบใหม่ หลังถูกไทยแฉปมทุ่นระเบิด แถมเครือข่ายสแกมเมอร์ถูกยึดทรัพย์ ผนวกคะแนนนิยมในประเทศทรุดหนัก

 

ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารและจัดการการเมือง วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชากลับมาระอุอีกครั้ง หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แนวชายแดนไทยว่า เหตุปะทะบริเวณภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่สะท้อน มุขเก่าในขวดเก่า ที่รัฐบาลกัมพูชามักใช้เป็นประจำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญ

 

ดร.เชษฐา ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชามีพฤติกรรม นักเบี่ยงประเด็น ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่เจอสถานการณ์เสียเปรียบ ทั้งในเวทีระหว่างประเทศ เศรษฐกิจภายในประเทศ และแรงกดดันด้านภาพลักษณ์จากนานาชาติ

 

ประการแรก ชี้ว่า เหตุปะทะชายแดนอาจถูกใช้เพื่อเบี่ยงประเด็นจากกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย นำคลิปหลักฐานการวางทุ่นระเบิดของกัมพูชาในเขตประเทศไทยไปยืนยันต่อที่ประชุม รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล การเปิดโปงดังกล่าวกระทบภาพลักษณ์ของกัมพูชาอย่างหนัก ทั้งต่อสายตานานาชาติและโครงการช่วยเหลือจากต่างประเทศ กัมพูชา จึงมีแรงจูงใจในการสร้างสถานการณ์ใหม่ เพื่อเบนความสนใจและพยายามสร้างภาพว่าตนเองเป็น ฝ่ายถูกรังแก

 

ประการที่สอง ดร.เชษฐา วิเคราะห์ว่า ความนิยมทางการเมืองในประเทศกัมพูชายังผันผวน รัฐบาลจึงต้องใช้ ภัยคุกคามจากภายนอก เป็นเครื่องมือระดมความรู้สึกรักชาติของประชาชน การสร้างประเด็น ปะทะชายแดนกับไทยช่วยให้รัฐบาลมีเวทีแสดงบท ผู้พิทักษ์ชาติและใช้ความขัดแย้งมาสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศ

 

ประการที่สาม ดร.เชษฐา ได้ชี้ถึงมิติทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่า กัมพูชากำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซา แรงงานจำนวนมากที่เคยทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในไทย ต้องกลับบ้าน ขณะที่รัฐบาลไม่สามารถ จัดหางานรองรับได้เต็มที่ การปิดด่านชายแดนต่อเนื่องส่งผลให้การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนชะลอตัว แรงงานถูกเลิกจ้างเพิ่มขึ้น รายได้ภาคท่องเที่ยวไม่ฟื้นตามเป้า ภายใต้แรงกดดันเรื่องปากท้อง รัฐบาลจึงมีแรงจูงใจใช้ประเด็นความมั่นคงมาช่วยกลบเสียงวิจารณ์ด้านเศรษฐกิจ

 

ประการที่สี่ ดร.เชษฐา กล่าวถึงปัจจัยด้านภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่ากัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการของขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ จนถูกขนานนามว่า “Scambodia” พร้อมทั้งถูกกดดัน จากหลายประเทศ ภายหลังมีการทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์และอายัดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลในภูมิภาค รวมทั้งในไทย การสร้างประเด็นปะทะชายแดนจึงอาจถูกใช้เพื่อเบี่ยงความสนใจของทั้งประชาชน ในประเทศและสื่อต่างชาติ จากเรื่องอาชญากรรมไซเบอร์ มาสู่เรื่อง ศักดิ์ศรีแห่งชาติแทน

 

ประการที่ห้า นักวิชาการ ได้โยงไปถึงมิติภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับเวียดนาม กรณีการพัฒนาเส้นทางและโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามไปยังเกาะฟูก๊วก ซึ่งกัมพูชาอ้างสิทธิ์ทางประวัติศาสตร์ ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวภายในกัมพูชา และอาจถูกตีความว่า รัฐบาลกัมพูชา สกัดเวียดนามไม่อยู่จนเสี่ยงถูกโจมตีว่าอ่อนแอเกินไปต่อประเทศเพื่อนบ้าน การทำให้สถานการณ์ชายแดนกับไทยร้อนแรงขึ้น จึงอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อลดแรงกดดันจากกรณีเวียดนาม และเปลี่ยนเป้าความไม่พอใจของประชาชนไปยังอีกทิศทางหนึ่ง

 

ดร.เชษฐา สรุปว่า การปะทะบริเวณชายแดนครั้งล่าสุด ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญหรือเหตุเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่เป็น มุขเก่าในพื้นที่เก่า ที่สะท้อนรูปแบบการเมืองแบบเดิมของรัฐบาลกัมพูชา ที่มักใช้ความขัดแย้ง ชายแดนเป็นเครื่องมือเบี่ยงประเด็น ฟื้นคะแนนนิยม และต่อรองในเวทีภูมิรัฐศาสตร์

 

“ใครที่ติดตามการเมืองกัมพูชามาตลอด ย่อมมองออกว่า นี่คือรูปแบบการเมืองซ้ำๆ ของรัฐบาลกัมพูชา นักเบี่ยงประเด็นทางการเมืองตัวยงของอาเซียน” นักวิชาการรายนี้ทิ้งท้าย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube