แถลงการณ์ “รัฐบาลต้องหยุดขบวนการการฟ้องปิดปาก”
แถลงการณ์ “รัฐบาลต้องหยุดขบวนการการฟ้องปิดปาก (SLAPP) เพื่อปกป้อง ผลประโยชน์ชาติและประชาชน”
ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ เครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ จัดเวทีเวทีสาธารณะ เรื่อง “การฟ้องคดีปิดปาก (SLAPP)กับละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย” เนื่องในสัปดาห์วันสิทธิมนุษยชนสากล และ สิทธิมนุษยชนไทย โดยมี รศ.ดร.คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธาน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสมาพันธ์สมานฉันทร์แรงงานไทย (สสรท.) นายมานพ เกื้อรัตน์ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และนายเมธา มาสขาว ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ และรักษาการเลขาธิการ ครป. ร่วมอภิปราย ดำเนินรายบการโดย นายสุปัน รักเชื้อ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์
โดยเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย(สสรท.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) ร่วมออกแถลงการณ์ “รัฐบาลต้องหยุดขบวนการการฟ้องปิดปาก (SLAPP) เพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติและประชาชน” โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ เรื่อง รัฐบาลต้องหยุดขบวนการการฟ้องปิดปาก (SLAPP) เพื่อปกป้อง ผลประโยชน์ชาติและประชาชน
“การฟ้องปิดปาก” หรือ SLAPP (ย่อมาจาก Strategic Lawsuit Against Public Participation แปลว่า การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณะ) ไม่เกี่ยวอะไรกับ “ข้อเท็จจริง” แต่หมายถึง คดีความที่มีเป้าหมายเพื่อข่มขู่กดดันให้คนที่ใช้สิทธิเสรีภาพการแสดงออก ตัดสินใจเลิกแสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อผู้ฟ้องคดี
การฟ้องปิดปากกำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ทางสังคม ที่กำลังคุกคามผู้ที่ทำหน้าที่ส่งเสียงเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะในหลายเหตุการณ์จากกลุ่มทุนและกลุ่มผลประโยชน์ เช่น กรณีของ มูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) และวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ที่ถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาหาร ฟ้องร้องจากการเผยแพร่ข้อมูลการระบาดของปลาหมอคางดำ, การฟ้องร้อง ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ในการทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค
2. บริษัทเอกชนจะต้องเคารพสิทธิมนุษยชนและยกเลิกการฟ้องปิดปากประชาชนโดยทันที UNGPs กำหนดให้บริษัทต้องแสดงความรับผิดชอบว่าเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ว่ากฎหมายในประเทศนั้นๆ จะกำหนดไว้อย่างไรบ้าง การฟ้องคดี SLAPP เป็นการละเมิดความรับผิดชอบข้อ 85 นี้อย่างตรงไปตรงมา บริษัทต้องดำเนินกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) เพื่อระบุ ป้องกัน และบรรเทาความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน การฟ้องคดี SLAPP สะท้อนว่าบริษัทล้มเหลวในหน้าที่นี้อย่างสิ้นเชิง การฟ้องคดี SLAPP เป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างเลือกปฏิบัติเพื่อกลั่นแกล้ง (judicial harassment) ขัดต่อละเมิดหลักการพื้นฐานที่ว่ากระบวนการยุติธรรมควรเป็นกลไกกลางที่เป็นธรรมและเข้าถึงได้ เพื่อแสวงหาการเยียวยาที่มีประสิทธิผลจากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน
ขอเรียกร้องให้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกำลังดำเนินการฟ้องคดีปิดปากประชาชน ถอนฟ้องประชาชนที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถามและปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ โดยเคารพและปฏิบัติการตามหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เพื่อนำธรรมาภิบาลกับคืนมาสู่องค์กรและสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค โดยสร้างกลไกเวทีสาธารณะในการทำงานแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์สาธารณะร่วมกันโดยไม่ใช้การฟ้องคดีปิดปากเป็นเครื่องมือ
3. ขอให้รัฐบาลผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน พ.ศ. …. (ร่างกฎหมายป้องกันฟ้องปิดปากฯ) เพื่อปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender) และป้องกันปัญหาการดำเนินคดีจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ต่อเรื่องที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญทางกระบวนการประชาธิปไตย โดยมีการดำเนินคดีจำนวนมากที่ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพที่ได้รับรองในรัฐธรรมนูญ ทั้งเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และสิทธิที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อรัฐ เป็นการคุกคามประชาชน สร้างความกลัวและบั่นทอนแรงจูงใจที่จะรักษาสิทธิ์เพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะ
หากสิ่งที่พูดหรือเผยแพร่ยังไม่เป็นความจริงแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ รัฐจะต้องมีนโยบายไม่ให้ผู้ถูกฟ้องปิดปากต้องจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย หลักการที่เป็นอยู่เดิมในการพิจารณาคดีแพ่งในข้อหาหมิ่นประมาท แตกต่างกับการพิจารณาคดีอาญาตรงที่ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นเป็นความจริง หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงแล้วจะไม่ถือว่าเข้าข่ายความผิดเลย
หากเป็นคดีอาญาแม้จะเป็นความจริงก็ยังอาจเป็นความผิดได้อยู่ สำหรับคดีแพ่งหากมีการเผยแพร่ข้อมูลออกไปในเรื่องที่ยังไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับสาธารณะ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รู้ว่าไม่เป็นความจริง ก็ไม่ควรต้องจ่ายค่าชดเชยความเสียหายใดๆ หากศาลพิจารณาเห็นว่าเป็นคดีที่เข้าข่ายการฟ้องปิดปากประชาชน ศาลควรมีอำนาจสั่งให้ยุติคดีได้ อีกทั้งยังอาจสั่งให้ฝั่งโจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่จำเลยเชิงลงโทษได้ ศาลเองต้องคำนึงว่าต้องทำให้โจทก์ไม่สามารถฟ้องร้องคดีใหม่ได้อีก หากในกรณีที่พิจารณาแล้วว่าไม่เข้าข่ายการฟ้องปิดปาก ศาลก็มีอำนาจให้คดีนั้นเดินหน้าต่อไปได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





