“สีหศักดิ์” หารือ อินเดีย คุยปมเมียนมา พร้อมแจงชายแดนไทย-กัมพูชา
“สีหศักดิ์” หารือ รมว.กต.อินเดีย คุยสถานการณ์เมียนมา พร้อมชี้แจงปมชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำ กัมพูชา ต้องยอมรับว่า วางทุ่นระเบิดใหม่ เพื่อสร้างสันติภาพ เผย อินเดียเข้าใจดี ขณะถกทวิภาคี เห็นพ้องความร่วมมือหลายด้าน ขับเคลื่อนการค้าเสรี หวังร่วมมือผลิตวัคซีน
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลสำเร็จในการเดินทางเยือน และ หารือข้อราชการ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. -1 ธ.ค. 2568 ว่า เดินทางมาครั้งนี้ ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับ นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย หลายเรื่อง
อย่างเรื่องสถานการณ์ในประเทศเมียนมา ที่น่าเป็นห่วงสู้รบกันนาน 4 ปีกว่าแล้วยังไม่จบ และกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่3 ของเดือนธันวาคมนี้ สิ่งที่ไทยและ อินเดียเห็นตรงกันคือ อยากเห็นการเลือกตั้งที่ นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน หากการเลือกตั้ง ไม่เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์ ไม่นำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ เอกภาพ
ทั้งไทย และ อินเดีย เห็นว่า การเลือกตั้งของเมียนมาในครั้งนี้ ไม่น่าจะเป็นจุดมุ่งหมายปลายทาง ของการแก้ปัญหา แต่ก็ควรดำเนินการเลือกตั้งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการปรองดอง การพูดคุยกัน เพื่อนำไปสู่สันติภาพที่มีความยั่งยืน

ดังนั้น ในภายภาคหน้าทั้ง ไทย อินเดีย และ เมียนมา ก็จะมีการประสานงานกันมากขึ้น เพราะถือว่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน เพื่อการทำงานที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการทำงานร่วมกับประเทศจีน และ บังกลาเทศ ด้วย
นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ที่ได้ยืนยันว่าไทยมุ่งสันติภาพ ย้ำว่าข้อตกลงที่ลงนามที่ประเทศมาเลเซีย ไทยให้ความสำคัญ เพื่อนำไปสู่สันติภาพ แต่เมื่อเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดอีก จะนิ่งเฉยคงไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขจึ้นกัมพูชา ต้องยอมรับความเป็นจริงว่ามีการวางทุ่นระเบิดใหม่
ไทยมีหลักฐานยันยืน จากคณะผู้สังเกตุการอาเซียน ดังนั้น กัมพูชาต้องแสดงความรับผิดชอบ หากยังบ่ายเบี่ยง ก็ต้องนำเรื่องนี้ไปสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ป้องกันการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชา ซึ่งทางอินเดีย ก็เข้าใจ
ขณะเดียวกัน ยังได้หารือกันถึงเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ ที่มีคนถูกหลอกลวงเข้าไปอยู่ในขบวนการโดยไม่เต็มใจ โดยมีชาวอินเดียตกเป็นเหยื่อขบวนการนี้มากพอสมควร ล่าสุดมีชาวอินเดียหนีขบวนนี้เข้ามาในประเทศไทย กว่า 1,000 คน ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ประชาคมโลก จะต้องให้ความสำคัญกับปัญหานี้ เพราะผลกระทบไม่ใช่แค่ในภูมิภาค แต่ไปทั่วโลก
จึงได้ใช้โอกาสนี้ แจ้งว่า ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต (International Conference on Global Partnership against Online Scams) ซึ่งเป็ฃนการประชุมในระดับรัฐมนตรี โดยได้ทำหนังสือเชิญให้อินเดียเข้าร่วมการประชุมผ่านสถานเอกอัคราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทยไปแล้ว ขณะเดียวกัน นอกจากจะเชิญร่วมประชุมแล้ว ยังจะเชิญ ให้มาเป็นผู้ร่วมจัดการประชุมด้วยนอกจากอินเดียแล้ว ก็ยังได้ทาบทามประเทศเกาหลีใต้ด้วย

นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า ทุกครั้งของการเดินทางเยือนต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการกระทรววงการต่างประเทศ ก็จะเป็นการปูทางไปสู่การเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการในระดับนายกรัฐมนตรี อย่างเช่นอินเดีย ที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ และกำลังเป็นประเทศที่เติบโต ก้าวไปสู่เวทีโลกมาคราวนี้คุยหลายเรื่องที่มีความสำคัญ ต่อประเทศ และประชาชน
นอกจากนี้ นายสีหศักดิ์ ได้หารือแบบเต็มคณะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ คณะ โดยประเด็นสำคัญคือการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต้องครอบคลุมหลายด้าน เช่นการส่งเสริมความมั่นคงภายในภูมิภาค การรับมือความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ภัยพิบัติ การค้ามนุษย์ และ อาชญากรรมข้ามชาติ ฝ่ายไทยจึงได้เสนอจัดทำแผนปฏิบัติการ ระหว่างไทยกับอินเดีย ว่าด้วยความสัมพันธ์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งทางอินเดียก็เห็นด้วย
สำหรับการค้าการลงทุน อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ โดยมีการวางเป้าหมายการค้าไว้ที่ 30,000 ล้านดอลล่าสหรัฐฯ โดยเชื่อว่า หากดำเนินการอย่างจริงจังก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้? แต่ต้องทำอนย่างไร ให้การค้าคล่องตัวที่สุด แม้จะติดขัดบ้าง เช่นการขอใบอนุญาตการค้า ก็ต้องขจัดอุปสรรคเหล่านี้ เพื่อให้การค้าราบรื่น และ เสรีขึ้น
จึงได้เสนอให้ มีการรับรองมาตรฐานสินค้า ระหว่างกัน เพื่ออำนวยความสะดวก ให้การนำเข้าสินค้าระหว่างกันง่ายขึ้น เพราะตอนนี้มีบริษัทเอกชนของไทยหลายบริษัท ที่เข้ามาลงทุนในอินเดีย เช่น ธุรกิจอาหาร วัสดุก่อสร้าง พลังงานทดแทน เป็นต้น อีกทั้งยังมีความร่วมมือใหม่ๆ อย่างด้านอวกาศ จะมีการทำความตกลงใหม่ที่ครอบคลุมมากขึ้น และอีกไม่นานจะมีการปล่อยดาวเทียม ทีออส2 ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงใหม่ของไทย ซึ่งจะปล่อยที่อินเดียช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงความร่วมมือ ด้วยอุตสาหกรรมป้องกันประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสีหศักดิ์ ใช้โอกาสนี้ หารือกับบริษัท “บารัค ไบโอเทค” ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตยา และเวชภัณฑ์ รายใหญ่ของอินเดีย โดยเห็นว่า อินเดียมีศักยภาพในการผลิตยา เวชภัณฑ์ ซึ่งไทย มีเป้าหมายในการพัฒนาการบริการทางการแพทย์ ยกระดับขึ้นเป็นศูนย์กลาง การบริการทางการแพทย์ เพราะไทยมรโรงพบาลที่ดี มีคุณภาพ นานาประเทศยอมรับ
แต่ที่ผ่านมา ขาดอุปกรณ์การแพทย์ ยา ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขึ้นสูงในการผลิต ซึ่งบริษัทบารัค ไบโอเทค เป็นบริษัทที่มีขีดความสามารถ และสนใจร่วมมือกับไทยในการผลิตวัคซีนที่จำเป็น ที่ไทยไม่สามารถผลิตเองได้หลายชนิด หากสามารถร่วมมือกันได้ ก็จะทำให้ไทยก้าวไปสู่การเป้นศูนย์บริการทางการแพทย์ที่มีความพร้อมในทุกด้าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





