Home
|
ข่าว

น้ำท่วมหาดใหญ่ บทเรียนราคาแพง ใครต้องรับผิดชอบ?

จากเหตุการน้ำท่วมครั้งใหญ่ ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินประชาชน มากมายมหาศาล สะท้อนให้เห็นว่า “น้ำท่วม” ยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในประเทศไทย เกิดขึ้นปีละหลายครั้ง และส่งผลกระทบต่อประชาชน เศรษฐกิจ และต่อรัฐบาลเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีมาตรการแก้ไขหลายอย่าง แต่ปัญหานี้ก็ยังคงอยู่ และต้นเหตุที่สำคัญ คือ “ระบบบริหารจัดการน้ำ” ที่ไม่มีประสิทธภาพเพียงพอ หรือจะบอกว่าเข้าขั้นแย่เลยก็ว่าได้ ทั้งที่เรามีเทคโนโลยี มีอุปกรณ์ มีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่าในอดีต แต่กลับต้องพบกับน้ำท่วมที่รุนแรง และความเสียหายที่มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ในภาคเหนือ ภาคกลางที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่แล้วเสร็จ รวมถึงในหาดใหญ่ ในภาคใต้ล่าสุด ที่มีการสูญเสียเป็นอย่างมาก จึงเกิดคำถามว่าการบริหารจัดการน้ำของไทยมีปัญหาเพราะอะไร

 

ปัจจุบันการทำงานบริหารจัดการน้ำของไทย ถูกวางอยู่บนกรอบกฎหมาย พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ 2561 ซึ่งกำหนดให้หลายหน่วยงานต้องรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งการวางนโยบาย ดูแลแหล่งน้ำ ควบคุมการระบายน้ำ และรับมือ ภัยพิบัติจริงในพื้นที่ โดยมีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และแผนแม่บทระดับชาติ

 

ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำดูแลแหล่งน้ำต้นทุนและงานอนุรักษ์ ส่วนกรมชลประทานรับผิดชอบ งานโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำขนาดใหญ่ ที่ครอบคลุมเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ประตูระบายน้ำ ไปจนถึงการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรตามฤดูกาล และเมื่อเกิดสถานการณ์รุนแรง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงาน ที่ต้องออกมาเตือนภัย ประสานงาน บัญชาการช่วยเหลือประชาชน ร่วมกับกำลังพลของกองทัพ และเร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงเข้ากับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและใช้ สทนช. เป็นฝ่ายเลขานุการ ในการขับเคลื่อนนโยบาย

 

น้ำท่วมแต่ละครั้ง จะมีหน่วยงาน องค์กร ใหญ่น้อยเกี่ยวข้องมากมาย และมาจากต่างกระทรวง ต่างสังกัด มาช่วยกันแก้ไขปัญหา และเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป แม้โครงสร้างดูเหมือนจะครอบคลุมทุกมิติ แต่หากมองในเชิงปฏิบัติ กลับพบปัญหาใหญ่ คือความซ้ำซ้อนของอำนาจ และสายบังคับบัญชาที่แตกต่างกัน หน่วยงานด้านน้ำแต่ละแห่ง ขึ้นกับกระทรวงต่างกัน ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย

 

 

จึงไม่สามารถสั่งการทุกหน่วยงานได้โดยตรง ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง ขณะที่แต่ละหน่วยงานก็มีภารกิจและกฎหมายของตนเองรองรับ ส่งผลให้การแก้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ เกิดความล่าช้าและขาดเอกภาพ และน้ำท่วมหาดใหญ่ ก็ประสบกับปัญหาดังกล่าวแบบชั้ดเจ เพราะท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการ ประกาศตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์น้ำท่วม หรือภัยพิบัติ ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ อีกชั้นหนึ่ง

 

เพื่อหวังให้ การแก้ปัญหามีความรวดเร็วขึ้น แต่การตั้งศูนย์ใหม่ทับโครงสร้างเดิม ก็ไม่สามารถที่จะลบข้อครหา หรือตอบคำถามว่า “ใครคือผู้สั่งการสูงสุดเมื่อเกิดน้ำท่วม”ได้ เพราะในพื้นที่จริง ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังต้องรอประสานงาน กับทั้งกรมชลประทาน กระทรวงมหาดไทย ปภ. และหน่วยงานส่วนกลางหลายอีกชุดเหมือนเดิม

 

 

นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ ชี้ชัดว่า ปัญหาน้ำท่วมและเกิดความเสียหายรุนแรงของไทย เกิดจาก 3 สาเหตุหลัก คือ นโยบายแบบรวมศูนย์ที่ขาดการประสานงานในพื้นที่ ระบบเตือนภัยที่ล้าสมัย และงบประมาณในการป้องกันอุทกภัยที่ไม่เพียงพอและมุ่งผิดจุด ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะต้องรื้อระบบ รื้อโครงสร้างอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม อย่างยั่งยืน หรือมีระบบป้องกันน้ำท่วม ที่ได้ผลเป็นรูปธรรมเหมือนในต่างประเทศ ซึ่งบางประเทศทำสำเร็จมาแล้ว

 

 


 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube